
เดือนที่เดินทาง - เมษายน 2024
ไม่รู้อะไรดลใจให้อยากไปฮ่องกงครับ สงสัยเป็นเพราะหลังๆเห็นคนไปเยอะแล้วก็สงสัยว่าเค้าไปทำไรกันที่ฮ่องกงน้า คือเด็กๆก็เคยไปมาสองครั้งแล้วและตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าเค้ามีอะไรสนุกๆให้ทำเลยนินา แต่พอได้ศึกษาข้อมูลมากขึ้นในฐานะผู้ใหญ่ทำงานหาเงินเองได้ก็เลยรู้ว่าเอร้ย! ที่นี่มันขุมทรัพย์คนชอบถ่ายรูป cityscape แท้ๆ
ทีนี้ก็เคยได้ยินคำร่ำลือมาว่าสภาพอากาศฮ่องกงมันแปรปวนมากบวกกับวันลาที่จำกัดเลยต้องพยายามเลือกว่าไปเดือนไหนจะเซฟสุดได้รูปแน่ๆแล้วไม่ใช้วันลาเยอะเกินไป เลยสรุปว่าจะไปเดือนเมษายนนี่แหละเพราะดูจากสถิติสภาพอากาศปีที่ผ่านๆมามีข้อดีหลายอย่าง
มีวันหยุดสงกรานต์
อากาศไม่ร้อนเกิ๊น
มีโอกาสได้ฟ้าโปร่งและเมฆบ้าง หวังจะมีเมฆส้มๆตอนพระอาทิตย์ตกและขึ้น
โหมดการเดินทางที่ใช้เป็นหลัก
รถไฟ Airport Express ซื้อรอบเดียว 115 HKD
รถไฟฟ้า MTR ในเมือง รอบนี้ไปไม่ได้ซื้อบัตร Octopus เลยครับเพราะว่าใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตของ visa ได้เลย
รถรางบนเกาะฮ่องกง ใช้บัตร visa
รถเมล์เล็กใหญ่ ใช้บัตร visa
เรือข้ามฟาก Star Ferry ใช้บัตร visa
รถเมล์ A จากในเมืองไปสนามบินได้ ราคาไม่เกิน 50 HKD ถูกดี
แท๊กซี่เวลาขี้เกียจเดินตามระยะทางและเวลา
The Peak Tram รถรางขึ้นเขา มีแพกเกจหลายราคา
เดินวันละเกินสองหมื่นก้าว ขาเปื่อย!
เที่ยวไหนบ้าง
เที่ยวฮ่องกงวันแรก
ผมไปฮ่องกงล่าสุดนี่ก็เกือบ 10 ปีแล้วนะรอบนี้มาถึงแล้วรู้สึกได้เลยว่าสถานที่การจัดการของเค้าดีขึ้นมากแล้วพนักงาน ต.ม. ก็ยิ้มแย้มต้อนรับกว่าสมัยก่อนมาก รอกระเป๋าผ่าน ต.ม. ก็รวดเร็วมาก นักท่องเที่ยวมีวิธีเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองเยอะมาก มีมากนั่งแท๊กซี่ มีปานกลางนั่ง Airport Express หรือประหยัดนั่งรถไฟใต้ดินแบบทั่วไป หรือจะนั่งรถบัสประเภท A ก็ได้ รายละเอียดก็ดูได้ที่นี่เลยจ้า
Sheung Wan (ชึงหว่าน) - Central
เช็คอินแล้วก็รีบเลยครับ หิวมาก ระหว่างเดินไปกินข้าวร้าน Yung Kee ร้านดังด้านห่านย่างก็ตื่นเต้นมากเลยไม่ได้มาฮ่องกงนาน มองไปทางไหนก็เห็นมุมถ่ายรูปตึกแปลกๆร้านค้าแน่นๆแออัดเยอะเลย
ที่แรกเลยเดินผ่านด้านหน้า Western Market เป็นต้นสายของรถราง Hong Kong Tram เลยครับมี photo ops ให้ได้เล่นเยอะเลย
ร้านอาหารอยู่บนถนน Wellington Street ใกล้ๆ Lan Kwai Fong ที่มีอะไรให้ได้มองหามุมถ่ายรูปได้รายทางเช่นกัน
Tai Kwun
อดีตเคยเป็นสถานีตำรวจกลางและมีอาคารหลายหลังทั้งสำนักงาน คลังแสง ห้องขัง เป็นสถานที่เที่ยวที่คนมาเยอะกันพอสมควรอยู่บนถนน Hollywood Road มีทั้งพิพิธภัณฑ์ โชว์งานศิลปะ และคาเฟ่ร้านอาหารด้วย
แล้วอีกวันหลังจากไปถ่ายรูปตั้งแต่เช้ามืดมาเลยมานั่งหลับใต้ร่มไม้แถวนี้รอร้านอาหารเปิด อากาศเย็นสบายดี อาหารร้าน Café Claudel หน้าตาดีอร่อยด้วย รูปนี้ถ่ายโดย Xiaomi 13 Ultra งานดีมากเลยเป็นแค่มือถือแท้ๆ ต่อไปคงได้ทิ้งกล้องไว้บ้านแล้วล่ะ
Hollywood Road - Man Mo Temple
Tai Kwun เค้าก็อยู่บนถนน Hollywood นี่แหละ เราก็เดินต่อไปเลย จะไปเที่ยววัดบ้าง ระหว่างทางก็ไม่พลาดที่จะ snap ภาพมาบ้างเวลาเจอมุมเท่ๆตามถนน ระหว่างทางสามารถค้นพบภาพวาดฝาผนังได้แทบทุกซอย
เดินไปจนเจอวัดหมั่นโหมว (Man Mo Temple) วัดดังเรื่องอะไรผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามาตอนบ่าย 3 จะเห็นลำแสงพุ่งผ่านธูปลงมา ยอมดมควันธูปอยู่นานก็รอคนน้อยๆหน่อยแล้วก็กดรูปมาเลย
IFC ONE & IFC TWO Footbridge - Central Market
มาวันแรกก็เดินขาลากซะแล้ว มาถึงช่วงสุดท้ายของวันตามสูตรเดิมคือไปยืนรอพระอาทิตย์ตกกันเป็นชั่วโมงนั่นเอง ตอนแรกก็กะว่าไปเร็วหน่อยเพราะกลัวมีคนมาแย่งที่ถ่ายรูป แต่ปรากฎว่าไปถึงแล้วยืนเหงาเลย มุมแรกอยู่บนสะพานใกล้ๆห้าง IFC หาง่ายมากครับ คิดถึงมากกับการถ่ายรูปเป็นสิบๆใบแล้วเอามาซ้อนเลเยอร์กันเพื่อประกอบไฟรถที่ลากเป็นเส้น มันมือมากจากไฟถนนแน่นเอี้ยด

หลังจากจุดนี้เดินตามทางเดินลอยฟ้าไปอีกไม่ไกลก็จะเจอกับ Des Voeux Footbridge มองลงไปเล่นกับรถรางได้สนุกๆ

สุดท้ายแล้วคืนนี้เพราะหิวข้าว ข้างๆจุดก่อนหน้าคือ Central Market เหมือนกับเคยเป็นตลาดสดสมัยก่อนแต่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นห้างมีร้านอาหาร ร้านน้ำขนม ของที่ระลึก งานศิลปะไปแล้ว ตอนกลางวันวัยรุ่นออกมาถ่ายรูปเล่นกันเยอะมากเหมือนกันนะ แต่เค้ามาถ่ายรูปเพื่อนรูปแฟนกัน ผมขอคงคอนเซ็ป No People Travel Photo (จริงๆเพราะหามุมเวลาถ่ายคนไม่เจอ)

เที่ยวฮ่องกงวันที่สอง
Stubbs Road Lookout
จุดชมวิวบนเขาใกล้ๆกับย่าน Wan Chai ซึ่งไปแต่เช้าตรู่เลยออกจากโรงแรมตอนตีห้า ทีนี้พอมันเช้ามากผมก็กลัวหาแท๊กซี่ไม่ได้เลยยอมจองล่วงหน้าผ่านแอพ Uber ซึ่งค่ารถตั้ง 159 HKD แพงพอสมควรแต่ว่ากลัวไม่ได้รูปอ่ะ ใครอยากไปก็กดสั่ง Uber ให้ไปส่งที่โลเคชั่นตามชื่อได้เลยล่ะครับ
มาช่วงนี้พระอาทิตย์ขึ้น 6 โมงเช้า
แนะนำให้มาถึงประมาณ 30 นาทีก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
เมื่อวานตอนเย็นก็เห็นฟ้าเปิดดีๆอยู่เลยนะ แต่ทำไมพอมาตอนเช้ามันครึ้มนัก แต่ก็ยังดีที่ได้แสงของเมืองสะท้อนบนเมฆที่ลอยต่ำเป็นสีส้มๆอ่อนๆบ้าง


ส่วนขากลับสามารถรอรถบัสสาย 15 คันแรกได้จากป้ายรถเมล์ใกล้ๆเพื่อลงจากเขาหรือจะนั่งไปจน Central เลยก็ได้นะ หรือถ้าอยากสบายๆก็โบกแท๊กซี่จากตรงนี้ได้เหมือนกัน ถึงจะอยู่บนเขาแต่มีรถผ่านไปผ่านมาเป็นระยะๆ

Hong Kong Disneyland
มีรูปให้ดูของวันนี้แค่นี้เองครับเพราะหลังจากนี้จะไปเที่ยว Disneyland ตามแบบฉบับคนอายุน้อยๆบ้าง ว่าไปแล้ว Disneyland ที่ฮ่องกงนี่ข้อดีคือคนไม่แออัดเหมือนที่เคยไปที่อื่นๆนะครับ เครื่องเล่นก็รอไม่นานมากไม่เกิน 30 นาทีซักอันเลย พึ่งเคยมาดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกงเป็นครั้งแรกด้วย ปราสาทเค้าสวยงามกว่าที่เคยไปที่แคลิฟอร์เนียอีก ยอดแหลมเชียว
แล้วตอนนี้เค้าพึ่งเปิดโซน Frozen ใหม่ด้วยใครชอบหรือมีลูกหลานชอบร้องเพลง Let It Go เอาไว้พิจารณาได้เลยครับ รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บเค้าเลย
ไม่เล่าอะไรเยอะละกันครับ บอกอย่างเดียวว่าห้ามพลาดเครื่องเล่น Hyperspace Mountain ถ้าคุณเป็นแฟน Star Wars สนุกมากเลยคอนเฟิร์ม ถ้าเล่าหมดมันก็เหมือนสปอยล์หนัง แต่ว่าจะมาก็เตรียมตัวเดินขาลากกันไว้ด้วยนะครับ
เที่ยวฮ่องกงวันที่สาม
Lugard Road Lookout
เป็นอีกวันที่ออกจากโรงแรมตั้งแต่ตีห้าและเสียค่าแท๊กซี่แพงๆให้กับ Uber แต่ว่ามุมนี้ถ้าพลาดแล้วเสียเที่ยวจริงๆนะ คือเวลาเสิชฮ่องกงบน Google แล้วก็มั่นใจว่าต้องเห็นรูปจากมุมนี้ทุกครั้งไป
การเดินทางไปและขั้นตอนการถ่ายภาพ
ให้แท๊กซี่ไปส่งเราที่ The Peak Galleria
เดินออกจากที่จอดรถไปเลี้ยวขวาและตาม Google Maps ไปที่ Lugard Road Lookout ได้เลย
มาช่วงนี้พระอาทิตย์ขึ้น 6 โมงเช้า
แนะนำให้มาถึงประมาณ 30 นาทีก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
วิธีกลับลงจากเขา
The Peak Tram ราคาค่อนข้างสูงและเปิดสาย 7.30น. ถ่ายรูปเสร็จตั้งแต่หกโมงนิดๆก็ต้องนั่งแกร่วรอเพราะร้านรวงยังไม่เปิดเลย ดูราคาตามลิงค์นี้ครับ นั่งขาเดียวราคาเริ่มต้น 62 HKD
นั่งรถบัสสาย 1 ลงจากเขาโดยรถรอบแรกเริ่ม 6.45น. ราคาก็ 11.80 HKD เอง สุดสายที่สถานี MTR Central เลย ป้ายรถเมล์จะอยู่ตรงที่แท๊กซี่พามาส่งตอนเช้าที่ The Peak Galleria เลยครับ

ทีนี้ใครมาคนเดียวก็ทำจิตให้มั่นและอย่าหวั่นไหวกับเสียงนู่นนี่เพราะถึงแม้ทางเค้ามีแสงส่องสว่างตลอดแต่มันจะมีบางจุดมืดๆ เงียบสงัดแบบเวลาที่เดินเหยียบใบไม้เสียงกอบแกบของใบไม้ที่ร่วงจากเท้าเรามันทำเสียงให้รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามหลังมาเลย แล้วกระเป๋าที่สะพายอยู่พอมันถูกับหลังก็ส่งเสียงเหมือนกับมีใครอยู่ข้างหลัง เอาเป็นว่าพอรู้ที่มาของเสียงแล้วก็น่าจะทำให้หายกลัวได้บ้างนะครับ
ทางเดินก็เรียบๆนะครับไม่เหนื่อยเลย เดินใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็จะถึงที่ของเราแล้ว วันที่ผมไปตอนไปถึงมีคนฮ่องกงยืนอยู่แล้ว 3 คนแล้วเค้าได้จุดที่ดีที่สุดไปแล้ว ผมเลยได้ภาพแบบกิ่งไม้โด่เด่นิดหน่อย ขนาดมาถึงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น 30 นาทียังมาช้ากว่าเขาอีกแน่ะ

เป็นวิวที่โคตรสวยเลยนะ จริงๆก็แอบหวังให้มีฟ้าระเบิดกับเค้าบ้างแต่ก็ได้เหมือนกับเช้าวันก่อนเลยคือหมอกบางๆลงตรงเมืองแล้วเมฆปกคลุมทั่วฟ้า แต่ได้สีส้มๆของพระอาทิตย์ขึ้นมาก็ยังดีน่ะ ส่วนขั้นตอนการถ่ายก็ต้องซ้อนเลเยอร์ใน Photoshop นิดหน่อยเพื่อให้ได้ทั้งสีบนฟ้าและไฟตึกที่ยังสว่างอยู่
ถ่ายรูปเสร็จแล้วใครจะลงเลยก็ได้หรืออยากเดินเที่ยวบนเขาก่อนก็ได้เหมือนกันแต่มันไม่ค่อยมีอะไรนะครับเช้าตรู่ขนาดนี้ วันนี้เลยรอลงรถรางให้อินกับการมาเที่ยวหน่อยแต่จะบอกว่ามันลำบากหลายอย่าง อย่างแรกรอรถเปิดนาน อย่างสองคือลงไปแล้วไม่ใกล้สถานี MTR แนะนำให้เลือกลงรถบัสสาย 1 แทนทั้งถูกและสะดวก

มาถึงจุดนี้ก็เหนื่อยพอสมควรเพราะตื่นเช้ามาสามวันติดแล้วเด้อ หลังจากนี้เลยไปหาข้าวเช้ากินกันแล้วกลับไปหลับต่อที่โรงแรมจนบ่าย ตื่นมาแล้วก็ไปเที่ยวต่อฝั่งเกาลูน แนะนำถ้าไปแล้วให้ไปกินบะหมี่ลูกชิ้นปลา ปลาหมึกกันนะครับ Kai Kee Noodles อร่อยจริงๆ ปกติไม่เคยรีวิวอาหารแต่พออายุมากขึ้นรู้สึกอาหารฮ่องกงอร่อยขึ้นกว่าที่จำได้ ความแก่นี่มันมีหลายแง่มุมจริงๆ
พอมาถึงฝั่งเกาลูนแล้วรู้สึกคนเยอะมากเลยล่ะ คือโรงแรมอยู่ฝั่งฮ่องกงรู้สึกสงบไปเลย ตึกแถวนี้ก็แน่นเอี๊ยดยิ่งกว่าอีก ได้ภาพบรรยากาศเอกลักษณ์ฮ่องกงมาก


Tsim sha Tsui (จีมซาโจ๋ย)
ตอนเด็กๆก็เคยมาแล้วนะแต่ก็กลับมาอีกเพราะอายุเยอะขึ้นรู้สึกว่ามีอะไรให้ดูมากขึ้น แดดเปรี้ยงเอาเรื่อง รีบเดินรีบหนีไปห้าง
พอแดดเริ่มร่มแล้วก็ออกมาจองที่ดูพระอาทิตย์ตก เป็นครั้งแรกตั้งแต่มานี่แหละที่ได้เห็นท้องฟ้าสีส้มยามโพล้เพล้ เสร็จแล้วยืนยาวไปจนมืดรอดูไฟด้วยเลย แถวนั้นก็พอมีที่นั่งจะยืนหวงที่อะไรก็ไม่รู้ ระหว่างรอก็มีพี่ชายชาวจีนที่เดินมาสะกิดให้ช่วยถ่ายรูปประมาณสิบรอบ ทำไมพี่ไม่พาตากล้องมาเอง สุดท้ายเลยต้องบอกว่าผมยุ่งอยู่ด้วยภาษาจีนที่รู้เท่าหางอึ่ง

Mongkok
พอถ่ายรูปเสร็จก็ดึกแล้วหิวด้วย เย็นนี้ไปกินติ่มซำกันเป็นมื้อแรกที่ร้านดังในย่านมงก๊ก Dim Dim Sum Mong Kok คนไทยเยอะด้วยแสดงว่าอร่อยจริง 555 หลังจากอิ่มแล้วใกล้ๆนี้มีที่ให้ถ่ายรูปเก๋ๆด้วย ออกจากร้านแล้วเลี้ยวขวาก็จะเห็นเลย ได้อีกหนึ่งใบก่อนกลับโรงแรมนอน
เที่ยวฮ่องกงวันที่สี่และวันสุดท้าย
Lugard Road Lookout รอบสอง
คือเมื่อวานรู้สึกว่าทำไมฟ้าไม่เปิดเลยนะ ก็เลยตัดสินใจมาเสี่ยงโชคอีกรอบเผื่อจะดวงดี แต่ดูแล้วเหมือนเมื่อวานเป๊ะทั้งหมอกทั้งคนฮ่องกงยืนจองที่ไว้ก่อน ชีวิตวนลูป เลยตัดสินใจเก็บมุมอื่นบ้างเลยละกัน
เดินเล่นย่าน Causeway Bay
วันนี้เลยตัดสินใจนั่งรถบัสลงเขาถึงเร็วกว่าเดิมเอาขาตั้งกล้องไปเก็บโรงแรมเพราะเป้หนักไม่ไหว หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่รอคอยคือกินข้าวเที่ยง แนะนำอีกร้านวันนี้ที่ Causeway Bay ร้าน Under Bridge Spicy Crab
ระหว่างทางเดินแถว Causeway Bay ก็มีอะไรให้ถ่ายรูปเยอะเลย บางทีก็พลาดจังหวะบางทีก็เดินเลยมาแล้ว เป็นรสชาติของการเที่ยวฮ่องกง สำหรับใครที่ชอบของหวานแล้วชอบสนับสนุนกิจการของคนไทยเชิญไปร้าน After You Hong Kong พนักงานเค้าทักทายเป็นภาษาไทยด้วย
มาถึงจุดนี้ที่เดินวันละสองหมื่นก้าวมาทุกวัน เริ่มงอแงแล้ว ทั้งๆที่เป็นคนอยากไปนู่นไปนี่เองแท้ๆ 555 เลยกลับโรงแรมอีกแล้วพักผ่อนก่อนไปถ่ายรูปใหญ่สุดท้ายของทริปนี้
Jardine's Lookout
วันสุดท้ายแล้วเลยสู้มาก พร้อมทุกอย่างไม่ว่าฮ่องกงจะทุ่มอะไรใส่เรา Jardine's Lookout เป็นจุดชมวิวระหว่างทางเดิน trekking บนเกาะฮ่องกง วิธีไปไม่ยากครับเปิด Google Maps ไปที่ Wilson Trail แล้วเดินทางตามที่ชอบได้เลยมีให้เลือกแบบนั่งรถสาธารณะ หรือรถสาธารณะครึ่งแท๊กซี่ครึ่ง
ถ้าเลือกนั่งรถเมล์มาจากตัวเมืองจะต้องเดินจากป้ายรถเมล์ขึ้นเขามาที่จุดเริ่มต้นเส้นทางนี้ประมาณ 20 นาทีแล้วทางชันมากนะครับ ซึ่งผมคิดว่าถ้าใครอยากประหยัดแรงต้องใช้เงินเข้าแลกแล้วนั่งแท๊กซี่ตรงนั้น

มาถึงแล้วจะเห็นทางเข้าแบบนิ เดินตามป้ายไป Jardine's Lookout ได้เลย เส้นทางนี้จริงๆสามารถเดินไปยาวมากๆๆแบบที่ข้ามเขาสี่ห้าลูกกันไปเลย แต่สำหรับเราการเดินเป็นความจำเป็นเพื่อไปถ่ายรูป
ระยะเวลาที่ใช้ไปก็ไม่นานเลยครับ ประมาณ 30 - 45 นาทีเท่านั้น เตือนอย่างนึงว่าเส้นทางนั้นเป็นบันไดขึ้นซะส่วนใหญ่ เดินๆพักๆก็จะถึงเอง มองกลับไปก็จะเห็นมาเดินมาสูงอยู่

ช่วงสุดท้ายบันไดจะรัวๆยาวๆหน่อยขอให้ตั้งมั่นเพราะมันใกล้ถึงแล้ว และพอมาถึงเราก็ได้รับรางวัลเป็นวิวนี้ ต้องสู้ถึงจะชนะ วันนี้ดูฟ้าและเมฆกำลังดีเลย พระอาทิตย์ตกต้องระเบิดระเบ้อแน่นอน!

สู้ฮ่องกงแต่ฮ่องกงก็สู้กลับ นั่งกินข้าวปั้น 7-11 อยู่ก็มีเมฆแผ่นมหึมาพัดผ่านเขาเข้ามาสู่เมืองจนบางทีมองไม่เห็นตึกข้างล่างเลย สุดท้ายเราก็สู้ต่อแล้วรอจังหวะเมฆเปิดเมืองออกมาให้เห็นแล้วได้รูปนี้มา ฮ่องกงกำลังบอกว่าครั้งหน้าเอาใหม่นะไอ้น้อง มาครั้งแรกแล้วจะได้รูปไปเลยมันดูถูกพี่เกินไป

เวลาสี่วันที่มีก็นับว่าได้รูปคุ้มอยู่น้อ ฮ่องกงในครั้งนี้มีภาพที่เปลี่ยนไปจากวัยเด็กที่คิดว่ามันน่าเบื่ออาหารมันไม่อร่อยมากเลย มาครั้งนี้อะไรก็ดูตื่นตาตื่นใจ ตึกสูง อาหารรสชาติถูกปาก การเดินทางที่สะดวก รถรางสวยๆ ไฟยามค่ำคืนคูลๆ ยังไม่ทันกลับบ้านก็อยากกลับมาเที่ยวใหม่แล้ว อนาคตเจอกันใหม่แน่นอน
เหมือนเคยครับ หวังว่าเพื่อนๆผู้อ่านจะได้รับความสุขและข้อมูลสำหรับไปเที่ยวด้วยตัวเอง มีอะไรสนุกๆมาเล่าให้ฟังก็ทิ้งคอมเม้นไว้ได้เหมือนกัน ไม่ขออะไรมากแค่ช่วยกดไลค์ติดตามเพจด้วยน้า ขอบคุณครับ
Comentarios