เดือนที่เดินทาง - กันยายน 2024
กลับมาเที่ยวประเทศจีนอีกครั้งหลังจากผ่านมาแล้ว 5 ปี ครั้งก่อนได้สัมผัสแล้วชื่นชอบมากเลยอยากกลับมาอีก คนไทยพึ่งได้ฟรีวีซ่าก็เลยกลับมาเยือนอีกครั้ง
รอบนี้ขอมาเก็บปักกิ่งและเมืองใกล้เพราะมีวันลาเหลือ และดูสภาพอากาศของเดือนกันยายนของปีที่ผ่านๆมาช่วงนี้ปักกิ่งฝนตกน้อยที่สุดแล้วจากทั้งประเทศ นอกจากนั้นก็ยังอยากไปพระราชวังต้องห้ามและกำแพงเมืองจีนด้วยล่ะ นอกจากปักกิ่งแล้วผมก็ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงอีกสองสามที่ด้วย ฝากติดตามตามลิงค์ด้านล่างได้เลย
ที่เที่ยวแทบทุกที่ของปักกิ่งต้องเดินเยอะม๊ากเพราะพื้นที่เค้ากว้างใหญ่เหลือเกิน การเดินทางจากที่หนึ่งไปที่หนึ่งก็เดินค่อนข้างไกล เพราะฉะนั้นแนะนำว่าจัดตารางเที่ยวดีๆอย่าหักโหมเกินไปและใส่รองเท้าที่เดินสบายๆ เรื่องหล่อเรื่องสวยเอาไว้ก่อน ที่ปักกิ่งคนดูดบุหรี่ทุกที่ทุกเวลามาก ในห้องน้ำห้าง ตามทางเดินป้ายรถเมล์เค้าสูบกันหมด เหมือนเดินไปไหนก็จะมีกลิ่นบุหรี่ ทำใจตรงนี้ไว้เลย
Alipay หรือ WeChat คือ App ที่ต้องมี
ขออนุญาตไม่พูดถึงวิธีการเดินทางเยอะเพราะว่าคงมีคนอธิบายได้ดีกว่าผมเยอะแล้ว คร่าวๆก็คือสามารถใช้ app Alipay (คนจีนเรียกว่า Zhīfùbǎo หรือจือฟู่เป่า) หรือ WeChat (Wēixìn เวซิ่น) ทำแทบทุกอย่างตั้งแต่จ่ายเงินซื้อของ ขึ้นรถไฟใต้ดิน ขึ้นรถเมล์ เรียกแท๊กซี่ สามารถผูกบัตรเครดิตไว้ได้เลย
เที่ยวไหนบ้าง
Day 2 - วัดลามะ ยงเหอกง / วัดขงจื่อ / หอกลอง / ทะเลสาบเฉียนไห่
Day 3 - พระราชวังฤดูร้อน / พระราชวังฤดูร้อนเดิม (หยวนหมิงหยวน)
Day 4 - พระราชวังต้องห้าม / สวนเป่ไห่ / สวนจิ่งชาน
Day 5 - หอสักการะฟ้าเทียนถัน / Pop Land
Day 6 - Nan Luo Gu Xiang - ถนนเก่าย่านการค้าหนานหลัวกู่เซี่ยง
Qianmen Street (เฉียนเหมิน)
เครื่องบินลงถึงปักกิ่งเที่ยงๆพอนั่งแท๊กซี่จากสนามบินมาถึงโรงแรมเก็บของพักผ่อนกินน้ำนิดหน่อยแล้วออกไปเดินเล่นกันเลย หารู้ไม่ว่าควรรักษาขาและเท้าไว้เพราะต้องเดินอีกเยอะ การใช้แอพ Alipay ทำให้เรียกแท๊กซี่ได้ง่ายมากครับ ใช้ภาษาอังกฤษพิมพ์ชื่อสถานที่ก็ได้ด้วย
ถนน Qianmen อยู่ติดกับประตูเมือง Zhengyangmen เลย เป็นเหมือนตลาดมีร้านอาหารและของที่ระลึกงานฝีมือขายเยอะมาก อาหารที่ขายส่วนใหญ่ก็จะซ้ำๆกันพอสมควรแต่ก็ไว้กินสนุกๆกับบรรยากาศอาคารเก่าๆของปักกิ่งได้ครับผม แท๊กซี่มาส่งด้านข้างก็เลยได้เดินดูซอยเล็กๆคนไม่เยอะมากนิดหน่อย
เดินมานิดเดียวก็ถึงถนน Qianmen ของแท้แล้ว ตรงนี้มีร้านค้ามีของขายสวยๆเยอะเลยแต่ราคาก็ไม่ธรรมดา นอกจากนั้นก็มีรถรางเท่ๆ มีซุ้มประตูและสตาบัคหน้าตาแบบที่ฮ่องเต้ไว้นั่งทำงานได้
ตลาดก็จะประมาณนี้ครับ มีภาพบรรยากาศร้านค้าที่เจอมาฝากด้วย มีขายตั้งแต่แม่เหล็กติดตู้เย็นไปจนถึงชุดผ้าไหมจีนกำไลเงิน ใครอยากได้ของที่ระลึกจากปักกิ่งมาที่นี่ได้เลย
Lama Temple วัดลามะ ยงเหอกง
สร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง เป็นวัดพุทธในรูปแบบของทิเบตที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างแบบชาวฮั่นและทิเบต เป็นวัดที่ใหญ่มาก ตามอาคารมีการตกแต่งปิดทองลายมังกรสวยงามสีสันสดใสมากๆเลย ตึกหน้าตาแบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของปักกิ่งเลยล่ะ
มาวัดลามะแล้วเห็นเลยว่าคนหนุ่มสาวชาวจีนนี่เค้าไหว้พระกันจริงจังยิ่งใหญ่มาก พื้นที่วัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆเป็นแนวตั้งดูแล้วเหมือนว่าต้องจุดธูปไหว้ตั้งแต่อาคารหน้าสุดไปยันหลังสุดเลย อยู่ตรงนี้เหมือนดูดบุหรี่ไปแล้วหนึ่งซอง
ทั้งด้านในและด้านนอกของอาคารในวัดลามะมีการวาดลวดลายสีสันสดใสสวยงามตื่นตาตื่นใจมาก ทั้งอาคารด้านนอกดูยิ่งใหญ่อลังการหลังคากระเบื้องซับซ้อนชนกันไขว้ไปไขว้มา
วัดลามะนี่ดีอย่างนึงที่ตรงทางเข้าเจ้าหน้าที่เค้าริบไฟแช็กไว้ให้คนดูบุหรี่ในวัดไม่ได้ สูดแต่ควันธูปก็ชีวิตหาไม่พอแล้ว แล้วเค้าก็จะรวบรวมเอาไฟแช็กมาวางไว้ให้หยิบคืนตรงทางออก
Beijing Temple of Confucius วัดขงจื๊อสาขาปักกิ่ง
เดินออกมาจากวัดลามะนิดหน่อยก็จะมาถึงถนนกั๋วจื่อเจียน (Guozijian Street) หรือแปลเป็นไทยว่ามหาวิทยาลัยของจักรวรรดิ เพราะว่าวัดขงจื๊อเคยเป็นโรงเรียนขั้นสูงในสมัยราชวงค์หยวน ราชวงศ์หมิงและ ราชวงศ์ชิง ส่วนวัดขงจื๊อเป็นสถานที่สำหรับฮ่องเต้ให้มาสักการะขงจื๊อในฐานะนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่
ขงจื๊อหรือ Confucius ในภาษาฝรั่งเป็นนักปรัชญาที่มีอิทธิพลกับสังคมจีนและเอเชียมากเพราะเค้าเป็นต้นแบบความคิดเกี่ยวกับชนชั้นในครอบครัวตามเพศกำเนิดและตามลำดับอายุ หน้าที่หลักผู้หญิงคือการดูแลบ้านและคนในครอบครัว ขงจื๊อคิดว่าในสมดุลจักรวาลระหว่างหยินและหยาง ผู้หญิงถูกมองเป็นคนเฉื่อยชา อ่อนโยน และด้อยกว่า
แม้ว่าแนวคิดขงจื๊อจะส่งผลให้เกิดการแบ่งชนชั้น แต่เค้าก็เน้นที่ความเห็นอกเห็นใจ ผู้มีอำนาจสูงสุดอย่างจักรพรรดิต้องดูแลความยุติธรรมและดูแลคนในประเทศ ผู้นำรัฐขนาดใหญ่ต้องขยันและน่าเชื่อถือ ใช้จ่ายอย่างมีสติและปฏิบัติกับคนอื่นอย่างดี
นอกจากนั้นขงจื๊อเห็นความสำคัญของการศึกษาและการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมด้วย เรื่องนี้อาจจะสร้างสำนึกให้คนทั่วไปชอบพัฒนาตัวเอง สร้างระบบที่ให้คุณค่ากับความดีความชอบมากกว่าชาติตระกูล
ฟังแล้วก็ดูว่ามีทั้งดีและไม่ดีแต่ก็เห็นว่าชนชั้นสูงน่าจะเลือกเฉพาะส่วนที่มีประโยชน์กับตัวเองมาใช้ เป็นเรื่องปกติมากสำหรับสังคมมนุษย์ที่จะเอาคำสอนของบุคคลสำคัญในอดีตมาเลือกใช้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเองและเพื่อควบคุมคนหมู่มาก
โม้เยอะแยะ พามาดูในวัดดีกว่า ด้านในมีห้องโถงแล้วมีสิ่งที่ดูเหมือนป้ายวิญญาณสำหรับกราบไหว้ ด้านในตกแต่งสวยงาม มีนกแกะสลักจากไม้หน้าตาเบื่อโลกอยู่ตัวหนึ่ง
ซุ้มประตูจะเห็นกระเบื้องลายมังกรคาบแก้วเวียนว่ายอยู่ในเมฆซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้ ทำให้เห็นถึงความสำคัญของวัดนี้ได้ดีเลย
เดินเหนื่อยแล้วค้าบ แต่ละวัดใหญ่มาก ทีนี้มาถึงปักกิ่งแล้วก็อยากไปนั่งร้านน้ำชาเท่ๆดื่มชาดีๆดูบ้าง แนะนำให้ไปร้านนี้ถ้าใครอยากสัมผัสประสบการบ้าง เดินออกมาจากวัดขงจื่อแล้วเดินไปทางซ้ายแล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแคบๆข้างกำแพงวัด เดินไปจนเหม็นกลิ่นส้วมก็จะเห็นห้องน้ำสาธารณะอยู่ปากซอยเลย เดินเข้าไปก็จะเห็นทางเข้าบ้านแบบนี้
หน้าตามันจะดูแบบใช้ร้านอาหารแน่หรอว้าแบบนี้เลย แต่ผมเลยลองหน้าด้านเดินเข้าไปด้านในเป็น courtyard สวนตรงกลางบ้านเลย บ้านสวยมากเลย ดูเหมือนร้านเค้ากำลังรีโนเวทอยู่ แต่น้องพนักงานก็บอกว่าร้านเปิดนั่งได้ ตลกดี
ค่าน้ำชาราคาประมาณ 1,000 บาทต่อคน นั่งได้ 3 ชั่วโมง มีชาให้กินได้ 4 แบบ แล้วมีขนมกินเล่นกับชาเติมได้ไม่อั้น ราคาสูงพอสมควรแต่พอได้กินชาแล้วมันรู้สึกต่างกับที่เคยกินมาจริงๆ ไม่ได้มโนจริงๆเพราะกินไม่หมดเหลือชากลับมากินที่บ้านหนึ่งแบบ พอกินเทียบกับชาจากที่อื่นๆแล้วไม่มีอันไหนกลิ่นหอมเท่าชาร้านนี้เลย
น้องพนักงานเค้าก็สอนชงชาด้วยว่าชงแบบไหนจะอร่อย ต้องล้างน้ำทิ้งหนึ่งน้ำ น้ำต้องเดือดเท่าไหร่ ห้ามแช่นานเกินไป รู้สึกมีความรู้ 555
Drum Tower หอกลอง
อยู่ไม่ไกลจากวัดขงจื๊อสามารถเดินไปที่ Drum Tower ได้ Drum Tower ใช้สำหรับบอกเวลาให้กับคนที่อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่งในอดีต จริงๆแล้วจะทำงานคู่กันกับหอระฆังที่อยู่ห่างกันไปไม่กี่ร้อยเมตร จะเห็นว่ามีกลองอยู่เยอะมากมีเสียงต่ำสูงต่างกัน การขึ้นมาบนหอกลองต้องเดินขึ้นบันไดที่ชันพอสมควร คนกลัวความสูงก็จะลำบากนิดนึงนะ นอกจากนั้นก็จะมองเห็นวิวเมืองใกล้ๆด้วย แต่วันนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจมองออกไปวิวไม่ค่อยชัด
Qianhai ทะเลสาบเฉียนไห่
ใกล้ๆกับหอกลองอีกทีคือทะเลสาบเฉียนไห่ คืออะไรๆก็ดูเหมือนใกล้ๆกันแต่เดินมาทั้งวันแล้วก็ปวดอยู่นา ระหว่างทางที่เดินมาก็จะเจอกับหอระฆังด้วย ในปักกิ่งการปั่นจักรยานก็ทำได้สะดวกมากเลย สามารถปลดล็อกจักรยานสีฟ้าสีเขียวสีเหลืองได้ด้วย app จ่ายเงินต่างๆแล้วขี่ไปไหนก็ได้แต่ขอให้ไปจอดคืนเค้าตามที่ที่เค้ากำหนดไว้ บนถนนแทบทุกที่ก็จะมีเลนจักรยานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้แยกกับรถใหญ่ปลอดภัยมากจ้า
เดินลงใต้มาก็จะเจอทางเข้า Yandai Byway หรือประมาณว่าซอยกล้องยาสูบ อดีตเคยเป็นซอยขายยาสูบและอุปกรณ์สูบยา ในซอยตอนนี้ก็เป็นที่เที่ยวช๊อปปิ้งของนักท่องเที่ยวเหมือนกัน คนเยอะมาก ร้านค้าขายของฝากอาหารขนมเยอะมาก บางร้านก็มีที่นั่งบนดาดฟ้าดูวิวได้ด้วย ตรงนี้เลยกะว่าจะกลับมาใหม่เพราะวันนี้ฟ้าเน่ามาก
พอเดินตรงเข้ามาในซอยก็จะเห็นทะเลสาบเฉียนไห่แล้ว เป็นทะเลสาบที่ถูกขุดขึ้นมา ดูๆแล้วประเทศจีนนี่เค้าขุดทะเลสาบกันเยอะมาก เรือที่เห็นในน้ำไม่ใช่เรือถีบแต่ว่าเป็นเรือไฟฟ้าไม่ต้องถีบให้เมื่อย ล้ำไปอีก ค่ำคืนนี้จบลงหาข้าวกินและกลับไปนอนเก็บแรงพรุ่งนี้ยังเดินอีกเยอะ
Summer Palace พระราชวังฤดูร้อน อี๋เหอหยวน
เที่ยวที่นี่แนะนำให้จองตั๋วไปก่อนล่วงหน้าเลยจะได้ไม่ต้องไปต่อคิวหรือกังวลตรงทางเข้า สะดวกด้วย จองได้จากเว็บนี้เลย ถ้ารอจองข้างหน้ามีโอกาสเต็มในบางช่วง ข้อควรระวังคือถ้าไปวันจันทร์จะไม่สามารถเข้าในอาคารได้ เพราะแบบนั้นให้เลือกไปวันอื่นนะ แต่ตัวผมเองไปวันจันทร์เลยดูได้แต่ข้างนอก 🥲
พระราชวังฤดูร้อนนี่ก็อยู่ห่างจากเมืองอยู่พอสมควรนะครับเลยเลือกนั่งแท๊กซี่ไป วันนี้ฟ้าครึ้มเข้าไปอีก นึกว่าจะได้รูปฟ้าสวยๆบ้างก็ต้องผิดหวัง แต่จองตั๋วมาล่วงหน้าและล็อกตารางทุกวันไว้แล้วก็เลยต้องไปแล้วล่ะ ทีนี้เราเลือกเข้าทางประตูทิศเหนือเพราะกะว่าจะไป Tower of Buddhist Incense ก่อนแต่มันก็ปิด 555
เดินเข้ามาถึงก็จะเจอกับสถานที่ที่ชื่อว่า Suzhou Street ถนนซูโจว อ่านป้ายดูก็พบว่าแถวนี้ทำเลียนแบบย่านการค้าในเมืองซูโจวเพื่อให้ฮ่องเต้กับฮองเฮาได้มาเล่นเดินซื้อของเวลาอยากทำตัวเหมือนสามัญชน เป็นอะไรที่ประหลาดดี 555 อาคารพวกนี้ก็เคยโดนเผาโดยกองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสที่เคยยึดครองพื้นที่ตรงนี้ในช่วงปีศตวรรษที่ 19 ของปีคริสตศักราช แล้วรัฐบาลจีนก็สร้างขึ้นใหม่ให้หน้าตาเหมือนของเดิม
เดินเข้าไปต่อก็จะเห็นบันไดที่ต้องปีนข้างหน้าเพื่อข้ามเขาที่มีวัดแบบทิเบตตั้งอยู่ วันที่ไปตรงนี้ปิดซ่อมพอดีก็เลยได้ดูแค่นี้เอง แต่การที่มาแต่เช้ามาทางประตูทิศเหนือทำให้คนน้อยมากเลยตรงนี้ ถ่ายรูปกันง่าย กำแพงแดงๆนี้คนแย่งกันถ่ายรูปมากมาย
บนหลังคากระเบื้องทุกที่จะต้องมีฟิกเกอร์มากมายเรียงกันตรงมุมหลังคาทุกมุม ตรงปลายหลังคาต้องมีฝาครอบไว้แบบนี้กันนกเข้าไปทำรังด้วย วันนี้โชคดีเดินมาเจอเค้ากำลังซ่อมกำแพงอยู่พอดี สีซีดแล้วต้องมาคอยเติมกันแบบนี้สินะ
เดินซักพักฝนตกก็เลยรีบวิ่งข้ามเขามาเพื่อจะได้เจอกับทางเดินมีหลังคาที่อยู่ริมทะเลสาบคุนหมิง เป็นทางเดินยาวมากมีลวดลายภาพวาดบนขื่อบนคานทุกอัน
เดินไปเดินมาบริเวณใกล้ๆกับ Yuzaoxuan ก็เห็นคนแต่งตัวแบบขันทียืนอยู่เลยเดินไปดู อ่อขายขนมอารมณ์แบบ afternoon tea เห็นว่าฝนมันตกแล้วยังไม่ได้กินข้าวก็เลยเข้าไปนั่งกินกันก่อนละกัน คอนเซ็ปแบบกินขนมแบบชาววัง ลูกที่หน้าตาเหมือนลิ้นจี่ไม่ปอกเปลือกนี่ไม่เคยเห็น ค้นหาบนอินเตอร์เน็ตก็เจอว่ามันเรียกว่าหยางเหมย อร่อยดีครับ
พอฝนหยุดแล้วเดินไปดูเรือหินกัน เพราะว่าเค้าแปะไว้ที่แผนที่เลยเดินมาดู แต่พอเห็นแล้วก็เออะนี่น่ะเหรอ
รอบๆสวนก็จะเห็นพวกรูปหล่อสัตว์ต่างๆอยู่ทั่วไป บางตัวรายละเอียดสวยมากเลยต้องถ่ายรูปมา โดยเฉพาะพวกที่อยู่แถวริมทะเลสาบ
เดินมาถึงฝั่งทิศตะวันออกของสวนแล้วเริ่มมีอาคารสวยๆมากขึ้น สีทองอร่ามสวยมาก เดินๆไปเจอน้องแมวนอนเล่นบนก้อนหินบนพื้นกันด้วย
เหวินชางเก๋อ ประตูป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดของพระราชวังฤดูร้อนและแน่นอนถูกทำลายโดยอังกฤษฝรั่งเศส ประตูนี้สวยและยังเป็นมุมสวยของหอหลักของสวนด้วย
เรือไฟฟ้าที่จอดอยู่สามารถเช่าขี่เล่นในทะเลสาบคุนหมิง ทะเลสาบคุนหมิงนี่ถูกขุดขึ้นมาเพื่อใช้กักเก็บน้ำและในการชลประทานสำหรับไร่นารอบๆเป็นเวลากว่า 3,000 ปี แล้วฮ่องเต้เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงก็สั่งการให้เปลี่ยนที่ตรงนี้เป็นสวนสำหรับจักรพรรดิและครอบครัวและขุดขยายทะเลสาบเทียมให้ใหญ่ขึ้น ใช้แรงงานถึง 10,000 ชีวิต! แล้วคิดดูว่าพื้นที่สวนทั้งหมดมีขนาด 2.9 ตารางกิโลเมตร
เดินเที่ยวมาครึ่งวันก็น่าจะครบแล้วน้าแถมอากาศไม่ค่อยดี เลยตัดสินใจไปเที่ยวที่ข้างๆดีกว่า
Yuanmingyuan Park พระราชวังฤดูร้อนเดิม หยวนหมิงหยวน
ที่เค้าเรียกว่าวังฤดูร้อนเดิมเพราะว่าสวนนี้ที่เคยยิ่งใหญ่ถูกกองทัพอังกฤษฝรั่งเศสเผาทำลายจนไม่สามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้ในช่วงเวลาสงครามฝิ่นครั้งที่สอง ส่วนใหญ่คนที่มาที่นี่เพื่อมาดูซากปรักหักพังของพระราชวังที่ได้รับอิทธิพลการออกแบบจากอาคารยุโรป สวยงามระดับที่ได้สมญานามว่า แวร์ซายน์แห่งดินแดนตะวันออก
หลังจากเผาทำลายและยึดเอาสมบัติไปแล้วกองทัพฝรั่งก็เผาวังขนาดที่เป็นเรื่องเล่าว่าไฟไหม้ติดกันสามวันสามคืน ส่วนสมบัติต่างๆก็ไปโผล่ตามพิพิธภัณฑ์ในโลกตะวันตกหลายๆที่
ทั้งสวนมีพื้นที่ 3.5 ตารางกิโลเมตร เดินขาลากอีกแล้ว การมาที่นี่สามารถนั่งรถเมล์มาจากพระราชวังฤดูร้อนได้เลยและมาลงตรงหน้าประตูทางทิศใต้ ตรงนี้คนไม่เยอะซื้อบัตรหน้างานได้ คือสวนมันใหญ่มากผมเลยตั้งใจแค่เดินไปดูตรงที่เป็นซากวังที่อยู่ติดขอบสวนทางทิศเหนือ แค่นี้ก็เดินเพียบแล้ว
เดินเข้าไปมีบ่อบัว ต้นหลิวห้อยระโยงระยางสวยมากเลย ดอกบัวดูเหมือนจะโรยเกือบหมดแล้วแต่ก็ยังโชคดีที่ได้เห็นอยู่บ้าง
นอกจากต้นไม้สวยแล้วยังมีนกน้ำเยอะเลย ตื่นเต้นมากเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเป็ดแมนดาริน! น้องสีสวยมาก นอกจากนั้นยังมีหงส์ดำกับลูกน้อยสองตัวด้วย น่ารักเว่อร์