top of page

เที่ยวปักกิ่งครั้งเดียวจบ 7 วัน ประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม

  • รูปภาพนักเขียน: Opp
    Opp
  • 12 ต.ค. 2567
  • ยาว 4 นาที

อัปเดตเมื่อ 27 พ.ค.


ปักกิ่ง beijing

เดือนที่เดินทาง - กันยายน 2024


กลับมาเที่ยวประเทศจีนอีกครั้งหลังจากผ่านมาแล้ว 5 ปี ครั้งก่อนได้สัมผัสแล้วชื่นชอบมากเลยอยากกลับมาอีก คนไทยพึ่งได้ฟรีวีซ่าก็เลยกลับมาเยือนอีกครั้ง


รอบนี้ขอมาเก็บปักกิ่งและเมืองใกล้เพราะมีวันลาเหลือ และดูสภาพอากาศของเดือนกันยายนของปีที่ผ่านๆมาช่วงนี้ปักกิ่งฝนตกน้อยที่สุดแล้วจากทั้งประเทศ นอกจากนั้นก็ยังอยากไปพระราชวังต้องห้ามและกำแพงเมืองจีนด้วยล่ะ นอกจากปักกิ่งแล้วผมก็ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงอีกสองสามที่ด้วย ฝากติดตามตามลิงค์ด้านล่างได้เลย


ที่เที่ยวแทบทุกที่ของปักกิ่งต้องเดินเยอะม๊ากเพราะพื้นที่เค้ากว้างใหญ่เหลือเกิน การเดินทางจากที่หนึ่งไปที่หนึ่งก็เดินค่อนข้างไกล เพราะฉะนั้นแนะนำว่าจัดตารางเที่ยวดีๆอย่าหักโหมเกินไปและใส่รองเท้าที่เดินสบายๆ เรื่องหล่อเรื่องสวยเอาไว้ก่อน ที่ปักกิ่งคนดูดบุหรี่ทุกที่ทุกเวลามาก ในห้องน้ำห้าง ตามทางเดินป้ายรถเมล์เค้าสูบกันหมด เหมือนเดินไปไหนก็จะมีกลิ่นบุหรี่ ทำใจตรงนี้ไว้เลย


Alipay หรือ WeChat คือ App ที่ต้องมี

ขออนุญาตไม่พูดถึงวิธีการเดินทางเยอะเพราะว่าคงมีคนอธิบายได้ดีกว่าผมเยอะแล้ว คร่าวๆก็คือสามารถใช้ app Alipay (คนจีนเรียกว่า Zhīfùbǎo หรือจือฟู่เป่า) หรือ WeChat (Wēixìn เวซิ่น) ทำแทบทุกอย่างตั้งแต่จ่ายเงินซื้อของ ขึ้นรถไฟใต้ดิน ขึ้นรถเมล์ เรียกแท๊กซี่ สามารถผูกบัตรเครดิตไว้ได้เลย


เที่ยวไหนบ้าง



Qianmen Street (เฉียนเหมิน)

เครื่องบินลงถึงปักกิ่งเที่ยงๆพอนั่งแท๊กซี่จากสนามบินมาถึงโรงแรมเก็บของพักผ่อนกินน้ำนิดหน่อยแล้วออกไปเดินเล่นกันเลย หารู้ไม่ว่าควรรักษาขาและเท้าไว้เพราะต้องเดินอีกเยอะ การใช้แอพ Alipay ทำให้เรียกแท๊กซี่ได้ง่ายมากครับ ใช้ภาษาอังกฤษพิมพ์ชื่อสถานที่ก็ได้ด้วย


ถนน Qianmen อยู่ติดกับประตูเมือง Zhengyangmen เลย เป็นเหมือนตลาดมีร้านอาหารและของที่ระลึกงานฝีมือขายเยอะมาก อาหารที่ขายส่วนใหญ่ก็จะซ้ำๆกันพอสมควรแต่ก็ไว้กินสนุกๆกับบรรยากาศอาคารเก่าๆของปักกิ่งได้ครับผม แท๊กซี่มาส่งด้านข้างก็เลยได้เดินดูซอยเล็กๆคนไม่เยอะมากนิดหน่อย


เดินมานิดเดียวก็ถึงถนน Qianmen ของแท้แล้ว ตรงนี้มีร้านค้ามีของขายสวยๆเยอะเลยแต่ราคาก็ไม่ธรรมดา นอกจากนั้นก็มีรถรางเท่ๆ มีซุ้มประตูและสตาบัคหน้าตาแบบที่ฮ่องเต้ไว้นั่งทำงานได้


ตลาดก็จะประมาณนี้ครับ มีภาพบรรยากาศร้านค้าที่เจอมาฝากด้วย มีขายตั้งแต่แม่เหล็กติดตู้เย็นไปจนถึงชุดผ้าไหมจีนกำไลเงิน ใครอยากได้ของที่ระลึกจากปักกิ่งมาที่นี่ได้เลย



Lama Temple วัดลามะ ยงเหอกง

สร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง เป็นวัดพุทธในรูปแบบของทิเบตที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างแบบชาวฮั่นและทิเบต เป็นวัดที่ใหญ่มาก ตามอาคารมีการตกแต่งปิดทองลายมังกรสวยงามสีสันสดใสมากๆเลย ตึกหน้าตาแบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของปักกิ่งเลยล่ะ


มาวัดลามะแล้วเห็นเลยว่าคนหนุ่มสาวชาวจีนนี่เค้าไหว้พระกันจริงจังยิ่งใหญ่มาก พื้นที่วัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆเป็นแนวตั้งดูแล้วเหมือนว่าต้องจุดธูปไหว้ตั้งแต่อาคารหน้าสุดไปยันหลังสุดเลย อยู่ตรงนี้เหมือนดูดบุหรี่ไปแล้วหนึ่งซอง


ทั้งด้านในและด้านนอกของอาคารในวัดลามะมีการวาดลวดลายสีสันสดใสสวยงามตื่นตาตื่นใจมาก ทั้งอาคารด้านนอกดูยิ่งใหญ่อลังการหลังคากระเบื้องซับซ้อนชนกันไขว้ไปไขว้มา


วัดลามะนี่ดีอย่างนึงที่ตรงทางเข้าเจ้าหน้าที่เค้าริบไฟแช็กไว้ให้คนดูบุหรี่ในวัดไม่ได้ สูดแต่ควันธูปก็ชีวิตหาไม่พอแล้ว แล้วเค้าก็จะรวบรวมเอาไฟแช็กมาวางไว้ให้หยิบคืนตรงทางออก



Beijing Temple of Confucius วัดขงจื๊อสาขาปักกิ่ง

เดินออกมาจากวัดลามะนิดหน่อยก็จะมาถึงถนนกั๋วจื่อเจียน (Guozijian Street) หรือแปลเป็นไทยว่ามหาวิทยาลัยของจักรวรรดิ เพราะว่าวัดขงจื๊อเคยเป็นโรงเรียนขั้นสูงในสมัยราชวงค์หยวน ราชวงศ์หมิงและ ราชวงศ์ชิง ส่วนวัดขงจื๊อเป็นสถานที่สำหรับฮ่องเต้ให้มาสักการะขงจื๊อในฐานะนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่


ขงจื๊อหรือ Confucius ในภาษาฝรั่งเป็นนักปรัชญาที่มีอิทธิพลกับสังคมจีนและเอเชียมากเพราะเค้าเป็นต้นแบบความคิดเกี่ยวกับชนชั้นในครอบครัวตามเพศกำเนิดและตามลำดับอายุ หน้าที่หลักผู้หญิงคือการดูแลบ้านและคนในครอบครัว ขงจื๊อคิดว่าในสมดุลจักรวาลระหว่างหยินและหยาง ผู้หญิงถูกมองเป็นคนเฉื่อยชา อ่อนโยน และด้อยกว่า


แม้ว่าแนวคิดขงจื๊อจะส่งผลให้เกิดการแบ่งชนชั้น แต่เค้าก็เน้นที่ความเห็นอกเห็นใจ ผู้มีอำนาจสูงสุดอย่างจักรพรรดิต้องดูแลความยุติธรรมและดูแลคนในประเทศ ผู้นำรัฐขนาดใหญ่ต้องขยันและน่าเชื่อถือ ใช้จ่ายอย่างมีสติและปฏิบัติกับคนอื่นอย่างดี


นอกจากนั้นขงจื๊อเห็นความสำคัญของการศึกษาและการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมด้วย เรื่องนี้อาจจะสร้างสำนึกให้คนทั่วไปชอบพัฒนาตัวเอง สร้างระบบที่ให้คุณค่ากับความดีความชอบมากกว่าชาติตระกูล


ฟังแล้วก็ดูว่ามีทั้งดีและไม่ดีแต่ก็เห็นว่าชนชั้นสูงน่าจะเลือกเฉพาะส่วนที่มีประโยชน์กับตัวเองมาใช้ เป็นเรื่องปกติมากสำหรับสังคมมนุษย์ที่จะเอาคำสอนของบุคคลสำคัญในอดีตมาเลือกใช้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเองและเพื่อควบคุมคนหมู่มาก


โม้เยอะแยะ พามาดูในวัดดีกว่า ด้านในมีห้องโถงแล้วมีสิ่งที่ดูเหมือนป้ายวิญญาณสำหรับกราบไหว้ ด้านในตกแต่งสวยงาม มีนกแกะสลักจากไม้หน้าตาเบื่อโลกอยู่ตัวหนึ่ง


ซุ้มประตูจะเห็นกระเบื้องลายมังกรคาบแก้วเวียนว่ายอยู่ในเมฆซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้ ทำให้เห็นถึงความสำคัญของวัดนี้ได้ดีเลย


เดินเหนื่อยแล้วค้าบ แต่ละวัดใหญ่มาก ทีนี้มาถึงปักกิ่งแล้วก็อยากไปนั่งร้านน้ำชาเท่ๆดื่มชาดีๆดูบ้าง แนะนำให้ไปร้านนี้ถ้าใครอยากสัมผัสประสบการบ้าง เดินออกมาจากวัดขงจื่อแล้วเดินไปทางซ้ายแล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแคบๆข้างกำแพงวัด เดินไปจนเหม็นกลิ่นส้วมก็จะเห็นห้องน้ำสาธารณะอยู่ปากซอยเลย เดินเข้าไปก็จะเห็นทางเข้าบ้านแบบนี้

tea house beijing ร้านน้ำชา ปักกิ่ง

หน้าตามันจะดูแบบใช้ร้านอาหารแน่หรอว้าแบบนี้เลย แต่ผมเลยลองหน้าด้านเดินเข้าไปด้านในเป็น courtyard สวนตรงกลางบ้านเลย บ้านสวยมากเลย ดูเหมือนร้านเค้ากำลังรีโนเวทอยู่ แต่น้องพนักงานก็บอกว่าร้านเปิดนั่งได้ ตลกดี


ค่าน้ำชาราคาประมาณ 1,000 บาทต่อคน นั่งได้ 3 ชั่วโมง มีชาให้กินได้ 4 แบบ แล้วมีขนมกินเล่นกับชาเติมได้ไม่อั้น ราคาสูงพอสมควรแต่พอได้กินชาแล้วมันรู้สึกต่างกับที่เคยกินมาจริงๆ ไม่ได้มโนจริงๆเพราะกินไม่หมดเหลือชากลับมากินที่บ้านหนึ่งแบบ พอกินเทียบกับชาจากที่อื่นๆแล้วไม่มีอันไหนกลิ่นหอมเท่าชาร้านนี้เลย


น้องพนักงานเค้าก็สอนชงชาด้วยว่าชงแบบไหนจะอร่อย ต้องล้างน้ำทิ้งหนึ่งน้ำ น้ำต้องเดือดเท่าไหร่ ห้ามแช่นานเกินไป รู้สึกมีความรู้ 555




Drum Tower หอกลอง

อยู่ไม่ไกลจากวัดขงจื๊อสามารถเดินไปที่ Drum Tower ได้ Drum Tower ใช้สำหรับบอกเวลาให้กับคนที่อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่งในอดีต จริงๆแล้วจะทำงานคู่กันกับหอระฆังที่อยู่ห่างกันไปไม่กี่ร้อยเมตร จะเห็นว่ามีกลองอยู่เยอะมากมีเสียงต่ำสูงต่างกัน การขึ้นมาบนหอกลองต้องเดินขึ้นบันไดที่ชันพอสมควร คนกลัวความสูงก็จะลำบากนิดนึงนะ นอกจากนั้นก็จะมองเห็นวิวเมืองใกล้ๆด้วย แต่วันนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจมองออกไปวิวไม่ค่อยชัด



Qianhai ทะเลสาบเฉียนไห่

ใกล้ๆกับหอกลองอีกทีคือทะเลสาบเฉียนไห่ คืออะไรๆก็ดูเหมือนใกล้ๆกันแต่เดินมาทั้งวันแล้วก็ปวดอยู่นา ระหว่างทางที่เดินมาก็จะเจอกับหอระฆังด้วย ในปักกิ่งการปั่นจักรยานก็ทำได้สะดวกมากเลย สามารถปลดล็อกจักรยานสีฟ้าสีเขียวสีเหลืองได้ด้วย app จ่ายเงินต่างๆแล้วขี่ไปไหนก็ได้แต่ขอให้ไปจอดคืนเค้าตามที่ที่เค้ากำหนดไว้ บนถนนแทบทุกที่ก็จะมีเลนจักรยานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้แยกกับรถใหญ่ปลอดภัยมากจ้า

bell tower beijing หอระฆัง ปักกิ่ง

เดินลงใต้มาก็จะเจอทางเข้า Yandai Byway หรือประมาณว่าซอยกล้องยาสูบ อดีตเคยเป็นซอยขายยาสูบและอุปกรณ์สูบยา ในซอยตอนนี้ก็เป็นที่เที่ยวช๊อปปิ้งของนักท่องเที่ยวเหมือนกัน คนเยอะมาก ร้านค้าขายของฝากอาหารขนมเยอะมาก บางร้านก็มีที่นั่งบนดาดฟ้าดูวิวได้ด้วย ตรงนี้เลยกะว่าจะกลับมาใหม่เพราะวันนี้ฟ้าเน่ามาก


พอเดินตรงเข้ามาในซอยก็จะเห็นทะเลสาบเฉียนไห่แล้ว เป็นทะเลสาบที่ถูกขุดขึ้นมา ดูๆแล้วประเทศจีนนี่เค้าขุดทะเลสาบกันเยอะมาก เรือที่เห็นในน้ำไม่ใช่เรือถีบแต่ว่าเป็นเรือไฟฟ้าไม่ต้องถีบให้เมื่อย ล้ำไปอีก ค่ำคืนนี้จบลงหาข้าวกินและกลับไปนอนเก็บแรงพรุ่งนี้ยังเดินอีกเยอะ




Summer Palace พระราชวังฤดูร้อน อี๋เหอหยวน

เที่ยวที่นี่แนะนำให้จองตั๋วไปก่อนล่วงหน้าเลยจะได้ไม่ต้องไปต่อคิวหรือกังวลตรงทางเข้า สะดวกด้วย จองได้จากเว็บนี้เลย ถ้ารอจองข้างหน้ามีโอกาสเต็มในบางช่วง ข้อควรระวังคือถ้าไปวันจันทร์จะไม่สามารถเข้าในอาคารได้ เพราะแบบนั้นให้เลือกไปวันอื่นนะ แต่ตัวผมเองไปวันจันทร์เลยดูได้แต่ข้างนอก 🥲


พระราชวังฤดูร้อนนี่ก็อยู่ห่างจากเมืองอยู่พอสมควรนะครับเลยเลือกนั่งแท๊กซี่ไป วันนี้ฟ้าครึ้มเข้าไปอีก นึกว่าจะได้รูปฟ้าสวยๆบ้างก็ต้องผิดหวัง แต่จองตั๋วมาล่วงหน้าและล็อกตารางทุกวันไว้แล้วก็เลยต้องไปแล้วล่ะ ทีนี้เราเลือกเข้าทางประตูทิศเหนือเพราะกะว่าจะไป Tower of Buddhist Incense ก่อนแต่มันก็ปิด 555


เดินเข้ามาถึงก็จะเจอกับสถานที่ที่ชื่อว่า Suzhou Street ถนนซูโจว อ่านป้ายดูก็พบว่าแถวนี้ทำเลียนแบบย่านการค้าในเมืองซูโจวเพื่อให้ฮ่องเต้กับฮองเฮาได้มาเล่นเดินซื้อของเวลาอยากทำตัวเหมือนสามัญชน เป็นอะไรที่ประหลาดดี 555 อาคารพวกนี้ก็เคยโดนเผาโดยกองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสที่เคยยึดครองพื้นที่ตรงนี้ในช่วงปีศตวรรษที่ 19 ของปีคริสตศักราช แล้วรัฐบาลจีนก็สร้างขึ้นใหม่ให้หน้าตาเหมือนของเดิม


เดินเข้าไปต่อก็จะเห็นบันไดที่ต้องปีนข้างหน้าเพื่อข้ามเขาที่มีวัดแบบทิเบตตั้งอยู่ วันที่ไปตรงนี้ปิดซ่อมพอดีก็เลยได้ดูแค่นี้เอง แต่การที่มาแต่เช้ามาทางประตูทิศเหนือทำให้คนน้อยมากเลยตรงนี้ ถ่ายรูปกันง่าย กำแพงแดงๆนี้คนแย่งกันถ่ายรูปมากมาย


บนหลังคากระเบื้องทุกที่จะต้องมีฟิกเกอร์มากมายเรียงกันตรงมุมหลังคาทุกมุม ตรงปลายหลังคาต้องมีฝาครอบไว้แบบนี้กันนกเข้าไปทำรังด้วย วันนี้โชคดีเดินมาเจอเค้ากำลังซ่อมกำแพงอยู่พอดี สีซีดแล้วต้องมาคอยเติมกันแบบนี้สินะ


เดินซักพักฝนตกก็เลยรีบวิ่งข้ามเขามาเพื่อจะได้เจอกับทางเดินมีหลังคาที่อยู่ริมทะเลสาบคุนหมิง เป็นทางเดินยาวมากมีลวดลายภาพวาดบนขื่อบนคานทุกอัน


เดินไปเดินมาบริเวณใกล้ๆกับ Yuzaoxuan ก็เห็นคนแต่งตัวแบบขันทียืนอยู่เลยเดินไปดู อ่อขายขนมอารมณ์แบบ afternoon tea เห็นว่าฝนมันตกแล้วยังไม่ได้กินข้าวก็เลยเข้าไปนั่งกินกันก่อนละกัน คอนเซ็ปแบบกินขนมแบบชาววัง ลูกที่หน้าตาเหมือนลิ้นจี่ไม่ปอกเปลือกนี่ไม่เคยเห็น ค้นหาบนอินเตอร์เน็ตก็เจอว่ามันเรียกว่าหยางเหมย อร่อยดีครับ

summer palace beijing พระราชวังฤดูร้อน ปักกิ่ง

พอฝนหยุดแล้วเดินไปดูเรือหินกัน เพราะว่าเค้าแปะไว้ที่แผนที่เลยเดินมาดู แต่พอเห็นแล้วก็เออะนี่น่ะเหรอ


รอบๆสวนก็จะเห็นพวกรูปหล่อสัตว์ต่างๆอยู่ทั่วไป บางตัวรายละเอียดสวยมากเลยต้องถ่ายรูปมา โดยเฉพาะพวกที่อยู่แถวริมทะเลสาบ


เดินมาถึงฝั่งทิศตะวันออกของสวนแล้วเริ่มมีอาคารสวยๆมากขึ้น สีทองอร่ามสวยมาก เดินๆไปเจอน้องแมวนอนเล่นบนก้อนหินบนพื้นกันด้วย


เหวินชางเก๋อ ประตูป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดของพระราชวังฤดูร้อนและแน่นอนถูกทำลายโดยอังกฤษฝรั่งเศส ประตูนี้สวยและยังเป็นมุมสวยของหอหลักของสวนด้วย


เรือไฟฟ้าที่จอดอยู่สามารถเช่าขี่เล่นในทะเลสาบคุนหมิง ทะเลสาบคุนหมิงนี่ถูกขุดขึ้นมาเพื่อใช้กักเก็บน้ำและในการชลประทานสำหรับไร่นารอบๆเป็นเวลากว่า 3,000 ปี แล้วฮ่องเต้เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงก็สั่งการให้เปลี่ยนที่ตรงนี้เป็นสวนสำหรับจักรพรรดิและครอบครัวและขุดขยายทะเลสาบเทียมให้ใหญ่ขึ้น ใช้แรงงานถึง 10,000 ชีวิต! แล้วคิดดูว่าพื้นที่สวนทั้งหมดมีขนาด 2.9 ตารางกิโลเมตร


เดินเที่ยวมาครึ่งวันก็น่าจะครบแล้วน้าแถมอากาศไม่ค่อยดี เลยตัดสินใจไปเที่ยวที่ข้างๆดีกว่า


Yuanmingyuan Park พระราชวังฤดูร้อนเดิม หยวนหมิงหยวน

ที่เค้าเรียกว่าวังฤดูร้อนเดิมเพราะว่าสวนนี้ที่เคยยิ่งใหญ่ถูกกองทัพอังกฤษฝรั่งเศสเผาทำลายจนไม่สามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้ในช่วงเวลาสงครามฝิ่นครั้งที่สอง ส่วนใหญ่คนที่มาที่นี่เพื่อมาดูซากปรักหักพังของพระราชวังที่ได้รับอิทธิพลการออกแบบจากอาคารยุโรป สวยงามระดับที่ได้สมญานามว่า แวร์ซายน์แห่งดินแดนตะวันออก


หลังจากเผาทำลายและยึดเอาสมบัติไปแล้วกองทัพฝรั่งก็เผาวังขนาดที่เป็นเรื่องเล่าว่าไฟไหม้ติดกันสามวันสามคืน ส่วนสมบัติต่างๆก็ไปโผล่ตามพิพิธภัณฑ์ในโลกตะวันตกหลายๆที่


ทั้งสวนมีพื้นที่ 3.5 ตารางกิโลเมตร เดินขาลากอีกแล้ว การมาที่นี่สามารถนั่งรถเมล์มาจากพระราชวังฤดูร้อนได้เลยและมาลงตรงหน้าประตูทางทิศใต้ ตรงนี้คนไม่เยอะซื้อบัตรหน้างานได้ คือสวนมันใหญ่มากผมเลยตั้งใจแค่เดินไปดูตรงที่เป็นซากวังที่อยู่ติดขอบสวนทางทิศเหนือ แค่นี้ก็เดินเพียบแล้ว

yuanmingyuan park พระราชวังฤดูร้อนเดิม ปักกิ่ง


เดินเข้าไปมีบ่อบัว ต้นหลิวห้อยระโยงระยางสวยมากเลย ดอกบัวดูเหมือนจะโรยเกือบหมดแล้วแต่ก็ยังโชคดีที่ได้เห็นอยู่บ้าง


นอกจากต้นไม้สวยแล้วยังมีนกน้ำเยอะเลย ตื่นเต้นมากเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเป็ดแมนดาริน! น้องสีสวยมาก นอกจากนั้นยังมีหงส์ดำกับลูกน้อยสองตัวด้วย น่ารักเว่อร์



เดินมาถึงแล้ว Xiyanglou area ซีหยางโหลวแปลว่าอาคารสไตล์ตะวันตก อาคารที่เคยอยู่ตรงนี้ล้วนถูกออกแบบโดยชาวยุโรปชาติต่างๆแต่ก็มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบจีนเข้าไปด้วย ตอนนี้เหลือแต่ซากให้ดูเหมือนไปลพบุรี 555 จะว่าไปแล้วมีหนึ่งโครงสร้างที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยรัฐบาลจีนคือศาลาที่อยู่ตรงกลางเขาวงกตสไตล์ยุโรป บ้างก็ว่ารัฐบาลจีนตั้งใจจะสร้างใหม่ทั้งหมดแต่หมดเงินซะก่อน แต่เหตุผลที่รัฐบาลจีนอ้างคือต้องการเก็บไว้ให้เป็นซากเพื่อเตือนใจชาวจีนว่าอย่ายอมเป็นเบี้ยล่างชาติตะวันตกอีก อันนี้ก็แล้วแต่จะตีความกันไป


เดินมาจนสุดทางจะมีนิทรรศการให้เดินดูแต่มีแต่ภาษาจีนนะ แต่ก็ได้เห็นรูปวาดหรือภาพ CGI ที่จำลองสถานที่จริงขึ้นมาให้คนได้จินตนาการภาพในอดีตที่วังยังสมบูรณ์อยู่ ผมก็ว่าสวยดีแต่หันไปถามภรรยาเค้าว่าดูเหมือนหมู่บ้านหรูกฤษดานคร 55555



Forbidden City พระราชวังต้องห้าม กู้กง

ขึ้นวันใหม่วันนี้จะได้ไปเที่ยวพระราชวังต้องห้ามแล้ว อยากรู้มานานว่าห้ามอะไรกัน สำหรับที่ Forbidden City เค้าจะปิดทำการทุกวันจันทร์ ตั๋วต้องจองล่วงหน้าออนไลน์จริงๆและเว็บเค้าจะเปิดให้จองได้เจ็ดวันก่อนวันเข้าเท่านั้น


เว็บที่ใช้จอง https://bookingticket.dpm.org.cn/ และเว็บจะเปิดให้จองได้แค่ 7 วันล่วงหน้าโดยจะอัพเดตทุกวันเวลา 8 PM เวลาจีน หรือ 7 PM เวลาไทย


ตัวอย่าง ถ้าต้องการไปวันที่ 17 ต.ค. 2024 ควรมาเฝ้าหน้าเว็บตอน 8 PM วันที่ 10 ต.ค. 2024 หรือลบ 7 วัน จะจองได้สองเวลาเข้าคือเช้าและเย็น


สำหรับใครกลัวจองไม่ทันก็ไปที่ Trip.com ได้เลยแต่ว่าราคาตั๋วเก็บแพงกว่าเว็บของพิพิธภัณฑ์พอสมควรครับ


เอาล่ะมีตั๋วแล้วก็ไปเที่ยวได้ นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Tiananmen East แล้วเค้าจะบังคับให้ออกทางออก D เพื่อตรวจกระเป๋าแบบถึงลูกถึงคน เปิดทุกซิปทุกรูของกระเป๋า ถ้าไม่อยากวุ่นวายแนะนำให้เอากระเป๋าไปเล็กๆ ตรงนี้เค้าก็จะริบไฟแช็กไว้ด้วยเพราะฉะนั้นไม่มีคนดูบุหรี่แน่นอน


สแกนกระเป๋าแล้วก็เดินลงทางเดินใต้ดินที่จะมาโผล่กลางจตุรัสเทียนอันเหมินได้เลย ตามทางเดินมีเจ้าหน้าที่ยืนเฝ้าด้วย เข้มมาก


คนจีนก็จะไปยืนต่อคิวเข้าไปคารวะประธานเหมาที่ Mausoleum of Mao Zedong หรือสุสานของเหมาเจ๋อตุง แต่เราเห็นคิวละไม่เป็นไร ด้านหน้ามีรูปปั้นบรรยายภาพการปฏิวัติสังคมนิยม และชนชั้นแรงงาน


การจะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามก็ต้องกลับลงไปที่ทางเดินใต้ดินแล้วไปโผล่หน้า Tiananmen ที่เป็นประตูป้อมปราการที่มีรูปท่านประธานติดอยู่แล้วก็ลอดเข้าไปเลยจ้า


เข้ามาแล้วก็จะได้พบกับ Meridian Gate (อู่เหมิน) สุดยิ่งใหญ่ก็ต้องสแกนกระเป๋ากันอีกครั้ง พึ่งเดินเข้ามานิดเดียวเอง แล้วพอดีน้องรปภ.ที่เครื่องสแกนไม่ให้เอาขาตั้งกล้องเข้าไปด้วย แต่โชคดีมากที่เค้าให้เอาไปฝากไว้ตรงจุดรับฝากของ ของที่ฝากได้ตั้งแต่ชิ้นเล็กๆอย่างไฟแช็กไปจนถึงกระเป๋าเสื้อผ้าเลย


ตอนแรกก็กังวลว่าฉันต้องเดินกลับมารับขาตั้งตรงนี้หรือนี่เพราะการเดินเที่ยวส่วนใหญ่เค้าจะเข้าทางใต้แล้วไปออกทางเหนือกันและระยะทางจากประตูทางทิศใต้ไปทิศเหนือมัน 2 กิโลเมตร แต่ว่าเค้าคิดมาดีมากเพราะเค้าจะถามว่าพี่จะออกจากวังทางประตูไหนแล้วเราจะเอาของไปไว้ตรงนั้นให้พี่ไปรับตรงนั้นเลย โอ้โหประทับใจไม่ต้องแบกขาตั้งกล้องทั้งวันเพราะจะใช้แค่ตอนเย็น ตามรูปด้านล่างก็คือตอนนี้เราอยู่ตรงสี่เหลี่ยมเล็กล่างสุดแล้วจะไปออกตรงซุ้มประตูเหนือสุดครับผม



เข้าได้แล้ว ผ่าน Meridian Gate เข้ามาก็จะเจอแม่น้ำ Golden Water (เน่จินฉุ่ยเหอ) ที่วิ่งยาวไปหลายส่วนของพระราชวัง มุมนี้มุมมหาชนเลย หันไปทางทิศเหนือคือประตู Supreme Harmony (ไท่เหอเหมิน) ที่เป็นทางเข้าวังส่วนใน ตรงบันไดกลางจะเป็นลายมังกรท่ามกลางเมฆที่เป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้และบันไดนี้ฮ่องเต้เดินได้คนเดียว


เดินผ่านประตูไท่เหอเหมินเข้าไปก็จะเจอกับลานกว้างกับพื้นหินอ่อนสามขั้น และบนชั้นบนของชานนี้คือ Hall of Supreme Harmony (ไท่เหอเตี้ยน) ที่เป็นอาคารไม้เก่าแก่ที่สุดของประเทศจีนที่เหลือรอดมาถึงปัจจุบันเลยนะ และอาคารนี้เป็นศูนย์กลางทำพิธีของราชวงศ์


ลวดลายสวยงามมีให้เห็นบนอาคารทุกหลัง บ้างลายเก่าๆลอกๆซีดแล้วดูขลัง บ้างดูใหม่ลายคมกริบสีสันสวยงาม บนหลังคาก็จะเห็นสัญลักษณ์ Swastika ของศาสนาพุทธ (เส้นสี่แฉก) และสัญลักษณ์แห่งความอายุยืน (รูปกลมๆ)


การเดินเที่ยวก็สามารถเลือกได้นะครับว่าจะเดินเฉพาะเส้นทางตรงกลางจากทางใต้ทะลุไปทางเหนืออย่างเดียวสำหรับคนเวลาน้อยหรือคนทนปวดขาไม่ไหว แต่คนที่มีแรงก็จะมีอะไรให้ดูทางซ้ายทางขวาเยอะมาก เดินดูหมดวันเดียวคงไม่ไหว


นอกจากตึกสวยๆแล้วอีกความตื่นตาตื่นใจก็คือหลังคากระเบื้องสีส้มที่สลับซับซ้อนกันทำให้เห็นถึงมิติตื้นลึกดีมาก มองไปไกลสุดจะเห็นยอดของสวนจิ่งชาน จุดชมวิวระดับเทพของปักกิ่งอีกด้วย


จะมีส่วนของวังที่แนะนำให้ใช้เวลาดูนิทรรศการจัดแสดงโบราณวัตถุและของใช้ของประดับของราชวงศ์ ให้เห็นว่าชีวิตคนพวกนั้นเค้าอยู่กันยังไงในสมัยยังมีอำนาจ


พอเดินผ่าน Hall of Preserving Harmony (เป่าเหอเตี้ยน) เลี้ยวซ้ายไปทาง Palace of Benevolent Tranquility (ฉีหนิงกง) จะพาเราเข้าไปสู่ตำหนักทางทิศตะวันตกของวังที่เป็นที่อาศัยของพระพันปีฉงชิ่ง แม่ของฮ่องเต้เฉียนหลง ฮ่องเต้คนที่ 6 ของราชวงศ์ชิงที่ครองบัลลังค์นานมากคนหนึ่ง


ตำหนักทางทิศตะวันตกนี้มีชื่อเล่นในปักกิ่งว่าเป็นโลกของผู้หญิงเพราะเป็นที่ๆมเหสีของฮ่องเต้ที่สวรรคตไปแล้วอาศัยอยู่ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง


Palace of Benevolent Tranquility หรือฉีหนิงกงเคยเป็นเหมือนบ้านของเหล่าพระพันปีและยังเป็นที่จัดงานพิธีต่างๆรวมถึงงานวัดเกิดและงานศพของเหล่าพระพันปีอีกด้วย ทุกวันนี้ตำหนักนี้ถูกเปลี่ยนเป็นห้องนิทรรศการรูปปั้นแกะสลักต่างๆของจีนตั้งแต่สมัยโบราณมาก บางชิ้นมีอายุเกินพันปีแล้ว


เดินต่อไปทางทิศตะวันตกจะได้พบกับ Palace of Longevity and Health (โช่วคังกง) เป็นอีกตำหนักที่เหล่าพระพันปีจะมาใช้ชีวิตบั้นปลายกัน จักรพรรดิเฉียนหลงยังคงวนเวียนมากราบไหว้วิญญาณของแม่หลังพระพันปีฉงชิ่งจากไปแล้ว จะเห็นว่าป้ายชื่อตำหนักจะมีตัวหนังสือภาษาอื่นข้างๆภาษาจีนด้วย นี่เป็นเพราะว่าพระพันปีฉงชิ่งมาจากตระกูล Niohulu (หนิ่วฮู่ลู่) ที่เป็นชาวแมนจูจึงมีตัวหนังสือแมนจูบนป้าย


ในนิทรรศการของใช้ของเหล่าพระพันปีจะมีแสดงภาพวาดของพระพันปีฉงชิ่งและเจดีย์ทองที่ฮ่องเต้เฉียนหลงทำขึ้นเพื่อเก็บผมของแม่ไว้บูชา นอกจากนั้นก็จะได้เห็นของใช้ประจำวันสุดหรูทำจากทอง หยก ฯลฯ


เดินมาถึงตรงนี้ก็เมื่อยพอสมควรแล้วล่ะ ร้านอาหารในพระราชวังมีแค่ที่เดียวคือหลังเข้าประตู Jingyunmen (จิ่งยุ่นเหมิน) จากฝั่งทางเดินแกนกลางไปโซนฝั่งตะวันออกของ แวะกินข้าวตรงนี้ได้ก่อนเดินดูฝั่งตะวันตกกัน

forbidden city beijing พระราชวังต้องห้าม ปักกิ่ง

อาหารก็อร่อยอยู่


ฝั่งตะวันตกนั้นจะมีจุดที่น่าสนใจหลายที่เลย อันแรกคือ The Gallery of Clocks เป็นห้องนิทรรศการที่แสดงนาฬิกาโบราณที่ประเทศต่างๆถวายให้กับราชวงศ์จีนและไปจนถึงยุคที่คนจีนเริ่มผลิตนาฬิกาเอง หน้าตาแปลกๆเยอะเลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนาฬิกาที่มาจากอังกฤษและฝรั่งเศส จะเรียกนาฬิกาก็เขิน เหมือนของอย่างอื่นที่มีนาฬิกาติดอยู่มากกว่ามั้ยอ่า


หลายนาฬิกาในนี้ผลิตที่กวางโจว เอกลักษณ์คือสีสันลวดลายซับซ้อนและส่วนใหญ่หน้าตาจะเลียนแบบสถาปัตยกรรม และมีกลไกเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนในนาฬิกาเหมือนนาฬิกากุ๊กกู


ออกมาแล้วพบว่ามีอีกห้องนึงเดินเลยมาแล้วเลยเดินถอยกลับมาที่ Hall of Literary Brilliance (เหวินหวาเตี้ยน) ในอดีตใช้เป็นห้องเรียนของเด็กๆในราชวงศ์เกี่ยวกับคำสอนของขงจื๊อ และยังที่สำหรับฮ่องเต้พบปะสนทนากับนักวิชาการในราชสำนัก ส่วนปัจจุบันเป็นที่จัดแสดงภาพวาดแบบจีนโบราณและเน้นไปที่ภาพวาดหญิงงามในแต่ละยุค เหมือนดูผ่านกาลเวลาว่า beauty standard ของแต่ละยุคเป็นแบบไหน


สวยไหมให้ตัดสินกันเอาเอง 555


นิทรรศการ Treasure Gallery ที่ทางเข้าอยู่ตรงกำแพงเก้ามังกร (จิ่วหลงปี้) เดินเข้ามาส่วนนี้เรียกว่า Palace of Tranquil Longevity (หนิงโช่วกง) ตรงนี้เดินแล้วก็หลงเยอะมาก คิดว่าน่าจะมีตรงไหนที่พลาดเดินไปไม่เจอแน่นอน 555 เดินเข้าไปด้านในแล้วก็จะเจอกับ Hall of Imperial Supremacy (หวงจื๋อเตี้ยน) ด้านในมีที่นั่งออกราชการของฮ่องเต้


ทั้งแผ่นหินอ่อนลายมังกรแหวกว่ายในทะเลและลวดลายตกแต่งภายในห้องโถงสวยงามอันดับหนึ่งของในวังนี้เลย



นิทรรศการของใช้ของฮ่องเต้ก็จะอยู่ในโซนเดียวกันนี้แหละแต่ผมจำไม่ได้จริงๆว่าชื่ออะไร เดินไปเรื่อยๆแต่ละตึกหน้าตามันก็เหมือนกันหมด เดินหลงกันฉ่ำ 555


เดินหลงไปเรื่อยๆก็ได้เห็นมุมถ่ายภาพสวยๆอยู่นะ เดินๆมั่วๆไปเจอกับเวทีแสดงงิ้วสำหรับราชวงศ์และขุนนาง เป็นตึกใหญ่มาก


เล่อโช่วถัง เป็นตำหนักที่ซูสีไทเฮาอาศัยอยู่ในตอนที่เป็นพระพันปีแล้ว ในห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยศิลปะในสมัยฮ่องเต้เฉียนหลงคือมีเพดานเป็นไม้แกะสลัก จะเห็นว่าตรงกำแพงจะเป็นภาพวาดหรือคำประพันธ์จีนทุกบาน ตรงสองข้างของเก้าอี้มี art toy ดั้งเดิมตั้งอยู่ด้วย ไม่รู้น้องคือตัวอะไร


อันนี้มีดราม่าด้วย ตรงนี้คือบ่อน้ำนางสนมเจิ้น ชื่อนี้ได้มาเพราะว่าซูสีไทเฮาได้สั่งให้ขันทีเอานางสนมชื่อเดียวกันที่เป็นสนมโปรดของจักรพรรดิกวางซู่มากดน้ำในบ่อนี้ ตอนนี้บ่อน้ำถูกปิดทับด้วยหินก้อนนี้แล้ว

forbidden city beijing พระราชวังต้องห้าม ปักกิ่ง

โอ้ยเดินมาทั้งวันแล้วยังไม่หมดอีก บอกจริงๆว่ายอมแล้ว จากตรงนี้เดินต่อไปก็จะเจอกับทางออกทางทิศใต้พอดี ที่เหลือคือรูปที่ถ่ายตามทางเวลาเจออะไรแปลกอย่างพวกตุ๊กตาตรงหลังคือที่เบียดเสียดกันเหลือเกิน และมีอาคารสวยๆใน Imperial Garden อีกด้วย


ออกจากประตูปั๊บกลิ่นบุหรีมาปุ๊บหลังได้ไฟแช็กคืนกันแล้ว ไม่ผิดหวัง 555 แถวนี้ถ่ายรูปสวยอยู่นะครับมีคนจีนมานั่งถ่ายคลิปติ๊กต่อกกันเพียบเลย



Beihai Park สวนเป่ไห่

ออกมาจากพระราชวังแล้วก็ยังบ่ายแก่ๆอยู่เหลือเวลาก่อนจะไปถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ตกเลยไปหาที่นั่งพักขาจิบชาหน่อย แหวกแผนที่ดูเห็นมีสวนใกล้ๆเลยลองไปดู ตอนแรกก็คิดว่าเข้าฟรีแต่ต้องเสียค่าเข้า 20 หยวนด้วยนะ แต่เดินมาถึงละหมดแรงจะเดินต่อ เข้าเลย เดินข้ามสะพานไปเลี้ยวซ้ายจะเห็นร้านชาริมทะเลสาบบรรยากาศดีมากเหมาะแก่การพักผ่อนมาก นั่งเป็นชั่วโมงเจ้าของร้านก็ไม่ว่า




Jingshan Park สวนจิ่งชาน

เป็นสวนที่อยู่ทางเหนือติดกับพระราชวังต้องห้ามเลย เป็นสถานที่ยอดฮิตมากๆเพราะว่ามองลงมาเห็นพระราชวังในมุมสูงแบบที่ใครไม่มีนี่พลาดสุดๆ เดินขึ้นเขาไม่ยากเป็นทางเดินขึ้นสั้นๆเท่านั้น จุดชมวิวอยู่ที่จุดตรงกลางวง ทางเข้ามีหลายทางแต่ทางที่เรามาจากสวนก่อนหน้าคือเข้าทางทิศตะวันตก

jingshan park beijing สวนจิ่งชาน ปักกิ่ง

มองออกไปเห็นได้เลยว่าเมืองเก่าปักกิ่งนั้นถูกสร้างเป็นแนวตั้งจากใต้ไปเหนือเป็นเส้นตรงเป๊ะเลย จริงๆเส้นตรงนี้ยาวตั้งแต่ Yongdingmen ไปถึง Bell and Drum Tower เป็นระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร


มุมพระราชวังคนแน่นมากต้องสู้ชีวิตสุดๆกว่าจะได้รูปมา ถ่ายรูปพระราชวังแล้วอย่าพึ่งรีบกลับเพราะจากบนยอดเขามองไปทิศไหนก็สวยหมดเลย วันนี้วันเดียวได้รูปเยอะมากแถมท้องฟ้าเป็นใจสุดๆ มองไปทางทิศตะวันออกจะเห็นกับ Central Business District

jingshan park beijing สวนจิ่งชาน ปักกิ่ง

มองไปทิศตะวันตกก็จะเห็นหอทีวีวิทยุและตึกต่างๆที่มีแบคกราวด์เป็นภูเขาที่ล้อมรอบปักกิ่ง


และมองไปทิศเหนือจะเห็นหอกลองที่เราเคยไปมาแล้ว และ Beijing Olympic Tower วันนี้พระอาทิตย์ตกระเบิดระเบ้อมาก พาคนแถวนี้ถึงกับกรี๊ดกร๊าด (คนแถวนี้คือผมเอง) คืนนี้หลับสบายแล้วรูปสวย



Temple of Heaven หอสักการะฟ้าเทียนถัน

วันนี้วันใหม่อีกขายังไม่หายปวดเลยจากวันก่อน มาเที่ยวปักกิ่งเดินเฉลี่ยวันละ 12 กิโลเมตร แทบตายเลยนะ วันนี้มาที่เที่ยวยอดฮิตอีกที่คือเทียนถัน ที่ที่ทำพิธีคล้ายวันพืชมงคลให้ฮ่องเต้กราบไหว้ฟ้าดินขอให้ได้มีผลผลิตทางการเกษตรที่ดี ที่ตรงนี้เปิด 8 โมงเช้าและแนะนำให้เข้าจากประตูทางทิศตะวันออกครับ คือมาถึงทางเข้าสวนก่อน 8 โมงแล้วเดินเข้ามาตรงทางเข้าวัดเพื่อรอประตูเปิด คือมาเร็วแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ภาพแบบไม่มีคนอยู่ดีเพราะเราใจไม่แข็งเบียดคนอื่นแซงคิวเข้ามา 555 ไม่เป็นไรเอาแต่พองาม


ด้านในจะเป็นที่ทำพิธีที่มีโครงสร้างซับซ้อนมั่ก ตึกนี้มีชื่อว่าฉีเหนียนเตี้ยนแปลว่า Hall of Prayer for Good Harvests ไว้ขอพรให้เก็บเกี่ยวได้ดีอะไรแบบนี้

temple of heaven beijing หอสักการะฟ้าเทียนถัน ปักกิ่ง

นอกจากตรงนี้แล้วเดินลงมาทางทิศใต้ก็จะเจอกับ หวงเฉียงหยู่ หรือ Imperial Vault of Heaven เหมือนฉีเหนียนเตี้ยแบบย่อส่วน สงสัยอยู่อย่างว่าทำไมคนจีนเวลาเห็นเรายกกล้องขึ้นมาต้องรีบมายืนขวางข้างหน้าทันที หรือผมคิดไปเอง


รู้สึกว่าที่เทียนถันนี้มีอะไรไม่มากเลยดูๆเสร็จแล้วไปที่อื่นต่อดีกว่า เก็บแรงขาไว้ใช้อย่างประหยัด ออกจากสวนแล้วไป Pop Land ดีกว่าจะไปดูลาบูบู้




Pop Land และ Chaoyang Park สวนเจาหยาง

วิธีไปให้ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วพาตัวเองไปที่สถานี Zaoying แล้วออกทางออก D ก็น่าจะเห็นซุ้มประตูแล้ว เดินเข้าไปซื้อตั๋วจากด้านในได้เลย สวนเค้าไม่ใหญ่มากแต่ว่าน่ารักมาก ที่ดีมากคือมาตรงนี้ได้พักจากสถานที่คนเยอะเพราะคนโล่งมาก


เดินเข้ามาแล้วมีน้องๆเต็มเลย ลาบูบู้ตัวเล็กตัวใหญ่


ตรงทางเข้าอย่าลืมเอาตั๋วไปแลกพาสปอร์ตไว้ประทับตราตามสถานีเล่นเกมต่างๆสำหรับคนบ้าสะสมของ มีแสตป์ 8 ลายให้เดินหากัน แล้วก็พาสปอร์ตหนึ่งเล่มเอาไปแลกเล่นเกมในสวนได้หนึ่งครั้งครับ


มาจังหวะดีมากได้เห็นพิธีล้างหน้าลาบูบู้ เห็นแล้วนึกถึงตอนไปเที่ยวมัณฑะเลย์ ประเทศพม่าแล้วไปพิธีล้างหน้าพระมหามัยมุนี ใครไม่เคยอ่านไปดูได้ตรงนี้เลย สาธุค้าบ https://www.nopeopletravelphoto.com/post/myanmar_march2018


ในสวนก็มีน้องในอิริยาบถต่างๆเยอะและถ่ายมาไม่หมดจริงๆ นอกจากถ่ายรูปแล้วก็มีเกมให้เล่นแบบกรุบกริบน่ารักๆ อันนี้ให้ไปดูเองเดี๋ยวจะเป็นการสปอย


เดินไปสุดทางจะเจอกับคฤหาสถ์ของตัวอาร์ททอยที่จริงๆเป็นร้านขายของร้านอาหาร ร้านขนมด้านในมีขนมรูปอาร์ททอยด้วย


แนะนำว่าไม่ควรพลาดโชว์ที่ทางเข้าอยู่ข้างทางเข้าคฤหาสถ์เพราะน้องๆทำงานกันเต็มเลย เป็นตุ๊กตา animatronics น่ารักมากมาย


ร้านอาหารกินแก้หิวก็น่ารักดี ที่นั่งเป็นเหมือนลาบูบู้ไปออกค่าย


สุดท้ายไคลแมกซ์คือโชว์ลาบูบู้ ฟังไม่รู้เรื่องเค้าพูดอะไรกันแต่ตัวลาบูบู้นี่ป่วนกวนประสาทมาก ดูแล้วหายปวดขาเลย 555


พอจบตรงนี้แล้วจริงๆขายังไม่หายปวดเลยเดินไปห้าง SOLANAใกล้ๆแล้วหาร้านกาแฟนั่งพักก่อน จะบอกว่าเราอยู่ปักกิ่งโซนเมืองเก่าที่นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาจากจังหวัดอื่นเยอะมาหลายวันทำให้พลังงานหมดพอสมควรเพราะทุกคนโหวกเหวกแซงคิวกันฉ่ำมาก พามาอยู่แล้ว Chaoyang Park ทำให้เห็นเลยว่าคนปักกิ่งจริงๆเค้าก็ทำตัวเหมือนคนปกตินะ คุยกันเงียบๆไม่รบกวนคนอื่น ไม่สูบบุหรี่ไปทั่ว โอ้โหต่างมาก เห็นแบบนี้แล้วก็คิดสงสัยว่าคนปักกิ่งก็เหนื่อยกับนักท่องเที่ยวเหมือนกับเรามั้ยนะ


กลับมาเรื่องเราพอถึงเวลาเย็นๆแล้วเราจะไปถ่ายรูปยามเย็นกันที่สวนนี้เลย ใครอยากตามรอยก็ปักหมุดตรงนี้ได้เลย https://maps.app.goo.gl/P7v3XCQ2dtrnSjZ4A ทะเลสาบตรงนี้น้ำนิ่งสะท้อนสวยมากตึกก็ระยิบระยับ แนะนำมากๆถ้าใครมาเที่ยวแถวนี้

beijing skyline chaoyang park ปักกิ่ง


Nan Luo Gu Xiang - ถนนเก่าย่านการค้าหนานหลัวกู่เซี่ยง

เล่าให้ฟังก่อนว่าวันนี้จริงๆแล้วแผนคือจะไปกำแพงเมืองจีนส่วน Mutianyu (มู่เถียนอยู้) จองตั๋วรถไฟอะไรเรียบร้อยละแต่พอตื่นมาแล้วมันเหมือนจะไม่สบาย เดินมากไปหน่อยจนจะตาย โชคดีมากๆที่ตั๋วรถไฟและค่าเข้าค่ากระเช้าที่กำแพงเมืองจีนที่จองบน Trip.com มันยกเลิกและคืนเงินได้ เสียค่าดำเนินการนิดหน่อย ไม่ได้ค่าโฆษณาอะไรเลยแต่ว่าของเค้าดีมากจริงๆ


เพราะงั้นก็เลยนอนจนเที่ยงจนบ่ายจนเริ่มเบื่อเลยออกมาเดินเที่ยวแถวนี้ดูบ้านเมืองหาของกิน ถนนสวยๆของขายหลากหลายมีภาพบรรยากาศให้ชมนิดหน่อยครับ


นอกจากถนนที่เค้าขายของกันถ้าใครอยากเห็นชีวิตคนปักกิ่งแถวนี้ก็เดินเข้าซอยเล็กๆไปได้ก็จะเริ่มเห็นบ้านเรือนชาวบ้านแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเห็นทางเข้าไปใน courtyard แบบสไตล์ปักกิ่ง


จำได้มั้ยที่วันนั้นเราไปเฉียนไห่กันแต่ฟ้าหม่นหมอง วันนี้เลยได้โอกาสกลับไปแก้ตัว จากตรงนี้เดินไปได้เลย (ปวดขาอีกแล้ว) มีร้านคาเฟ่ที่เล็งไว้แล้วว่ามี rooftop ให้นั่งดูวิวได้ด้วย เราเลยได้รูปนี้มาพร้อมท้องฟ้าสีชมพูตอนพระอาทิตย์ตก เครื่องดื่มที่เห็น ผส ชาวจีนเค้าดื่มกันก็ดูน่ารักดีนะ แต่เราแก่แล้วขอกินเบียร์ 555


ใครอยากตามรอยให้ไปตรงทะเลสาบแล้วหาสะพานชื่อนี้ 银锭桥 จากนั้นมองหาหน้าร้านแบบนี้เลย เดินเข้าไปร้านจะอยู่ชั้นบนนะครับ

银锭桥



Beijing Central Business District ย่านธุรกิจใจกลางเมืองปักกิ่ง

วันสุดท้ายในปักกิ่งแล้วล่ะครับ และโพสนี้ก็ยาวมากแล้วด้วย ตอนนี้ก็รู้สึกคิดถึงบ้านนิดๆแล้วและขาอยากนวดมากๆ แต่ว่าดูเมืองเก่ามาเยอะแล้ววันนี้เลยเป็นฤกษ์ดีที่จะได้ไปเดินดูตึกโมเดิร์นดีไซน์สุดล้ำ


ตรง CBD ของปักกิ่งนี้ดูแล้วยังไม่จบแค่นี้เพราะมีตึกกำลังสร้างอีกเพียบ อีกไม่กี่ปีน่าจะแน่นเอี๊ยดแน่นอน ตึกที่ชื่อดังก็ไม่พ้นตึกทรงกางเกงอย่าง CCTV Headquarters และตึกที่สูงที่สุดตอนนี้อย่าง China Zun


มองดูตึกจากฝั่งตรงข้ามถนนได้จากห้าง China World Mall ไปที่ชั้น 6 สามารถออกไปยืนที่ terrace กลางแจ้งได้ครับผม


เดินเล่นแถวนี้ไปเรื่อยๆก็จะเห็นตึกหน้าตาล้ำๆอยู่เยอะเลยส่วนใหญ่ก็จะเป็นโครงการของบริษัท SOHO บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีน


และหนึ่งโครงการของเค้าที่ผมอยากไปเห็นให้ได้เลยคือ Galaxy SOHO เป็นการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของโลก Zaha Hadid เค้าคนนี้ได้งานออกแบบตึกในจีนเยอะมากและอยู่ในหลายๆเมือง วันนี้มีเวลาไปดูได้แค่ที่เดียวก่อนถ้าอนาคตมีโอกาสก็อยากไปดูที่อื่นด้วย


เวลาเดินในตึกนี้แหงนหน้ามองดูแล้วมันรู้สึกนึกถึงตอนที่เคยไป Antelope Canyon ที่ Arizona เลย แบบที่เป็นรูปร่างโค้งมนไปตามที่น้ำเซาะกร่อนและมีแสงลงมากระทบบางจุด ไม่รู้คนออกแบบตั้งใจรึเปล่าแต่ว่าผมดูแล้วมันนึกถึงจริงๆ


ที่สุดท้ายแล้วของวันนี้และของปักกิ่ง Sanlitun เป็นย่านช้อปปิ้งคล้ายๆแถวสยามบ้านเรา ตึกรามบ้านช่องแถวนี้ก็ดูโมเดิร์นแปลกตาเหมือนกันแถมสีสันฉูดฉาดอีกด้วย แถวนี้คนเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาววัยรุ่นมาเที่ยวกัน ตรงนี้ดีมากเลยเพราะถึงคนจะเยอะแต่คนแถวนี้เค้ามารยาทดีมาก ต่อคิวเรียบร้อย ไม่โหวกเหวก ไม่เดินชน ตรงนี้มีร้านอาหาร แบรนด์แฟชั่นเยอะมาก


ใครชอบถ่ายภาพตึกแบบ abstract ตรงนี้สนุกเลยเพราะมี facade แปลกตา รูปทรงแปลกๆเยอะ


ฟ้าเริ่มมืดหมดวันแล้ว รูปสุดท้ายของปักกิ่งคือภาพยามเย็นของ Sanlitun นี่เลยล่ะกัน



มาเที่ยวปักกิ่งนี่ยอมรับว่าเหนื่อยจริงๆเพราะไปไหนก็เดินเยอะมาก แต่ว่าความสนุกมีมากกว่าแน่นอน ได้เห็นมุมมองใหม่ๆของการประชากรของประเทศใหญ่ที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย ปักกิ่งเป็นที่ที่สุดโต่งมากๆ สุดทุกทาง เก่าแก่สุด ใหม่โมเดิร์นสุด เจริญสุด โทรมสุด โวยวายสุด ขายของเก่งสุด ขี้อายสุดก็มี มีรถสาธารณเยอะแต่ก็เดินทางไม่สะดวกเท่าที่คิด ตึกสวยงามแต่ข้างในไม่ค่อยมีเศรษฐกิจเพราะคนเช่ามีน้อย อำนาจมากมายอย่างจักรพรรดิก็ล้มเพราะคนธรรมดา สุดจริงๆ


พยายามจะเล่าให้มันละเอียดเท่าที่จะทำได้จากประสบการณ์ที่ได้เจอจนโพสนี้ยาวมาก ยังไงก็เหมือนเคยครับ หวังว่าเพื่อนๆผู้อ่านจะได้รับความสุขและข้อมูลสำหรับไปเที่ยวด้วยตัวเอง มีอะไรสนุกๆมาเล่าให้ฟังก็ทิ้งคอมเม้นไว้ได้เหมือนกัน ไม่ขออะไรมากแค่ช่วยกดไลค์ติดตามเพจด้วยน้า ขอบคุณครับ

https://www.facebook.com/nopeopletravelphoto/ ขอฝากอีกครั้งโพสอื่นๆในทริปเดียวกันเพื่อการวางแผนที่ครบถ้วนครับ



Komentarze


อ่านสนุกได้ความรู้ สนับสนุนเป็นกำลังใจให้ No People Travel Photo
กำลังใจเล็กๆน้อยส่งแรงให้เราทำผลงานดีๆออกมา
Select an item (฿)

ขอบคุณสำหรับกำลังใจให้ No People Travel Photo

bottom of page