top of page
รูปภาพนักเขียนOpp

พาเที่ยว Road Trip อิตาลีเหนือ ตอนที่ 2 ฟลอเรนซ์ (Florence) ชิงเคว เทเร่ (Cinque Terre)

อัปเดตเมื่อ 22 ก.ย. 2565


florence firenze

เดือนที่เดินทาง - กรกฎาคม 2022


ความเดิมตอนที่แล้ว เราไปเที่ยวโรมและวาติกันเป็นเวลา 3 คืน เช้าวันนี้เราไปรับรถเช่าที่สนามบิน Leonardo da Vinci และไม่รอช้าขับไปเมือง Florence กันเลย เราจะอยู่ที่ Florence ทั้งหมด 2 คืนและไปต่อกันที่ Cinque Terre อีก 1 คืน เป็นเมืองริมทะเลน่ารักๆที่เป็นต้นแบบให้กับเมืองในการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่อง Luca ด้วย


 

Day 4 - ฟลอเรนซ์ (Florence)

ขับรถจากโรมมาที่ฟลอเรนซ์ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าใครไม่เคยขับรถที่ยุโรปขอเตือนก่อนว่าคนที่นี่ขับรถเร็วมาก ขับอยู่ 150 ก็สามารถโดนเปิดไฟสูงไล่ได้ การขับรถข้ามเมืองทุกครั้งต้องจ่ายค่าทางด่วนเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับระยะทาง จะใช้เงินสดหรือใช้บัตรเครดิต/เดบิตก็ได้ครับ


ฟลอเรนซ์ เป็นชื่อภาษาอังกฤษ คนอิตาลีจะเรียกว่าฟิเรนเซ่ (Firenze) เมืองจะมีแม่น้ำ Arno ผ่ากลางเมืองและมีสะพานสวยๆบนแม่น้ำนี้ นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า Florence เป็นต้นกำเนิดของยุค Renaissance ยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปะ วิทยาศาสตร์ การค้าและการเมือง เป็นยุคหลังจากยุคมืดหรือยุคกลางของยุโรปจบลง พูดเรื่องนี้ไปยาวอีก บน YouTube มีวีดีโอดีๆเยอะมากสำหรับคนที่สนใจครับ


ที่พักของเราวันนี้ก็เป็นอพาร์ทเม้นต์อีกเช่นกันที่ Mamo Florence - Fiesolana Apartments ห้องดีมากและอยู่ไม่ไกลที่เที่ยวเลย พอเอาของเก็บแล้วก็รีบเลยเพราะว่าจองตั๋วเข้าดูวัง Palazzo Vecchio ที่เป็นที่อยู่อาศัยและทำงานของตระกูลเมดิชี่ (Medici) ที่เป็นดยุคของเมือง Florence ด้านในมีงานศิลปะภาพวาดรูปแกะสลักมากมายเกี่ยวกับศาสนาและตระกูล Medici

ด้านหน้ามีจำลองรูปแกะสลัก David ของ Michelangelo ตั้งอยู่ ของจริงย้ายไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์เรียบร้อย ไม่ต้องห่วงเพราะเราจองตั๋วไปดูของจริงแล้วเรียบร้อย พูดถึงจองตั๋ว ควรจองมาก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 - 2 เดือนไม่งั้นอาจจะเต็มก่อนได้ ที่นี่มีหอคอยสูงที่ขึ้นไปดูวิวได้ ผมก็อยากไปนะแต่ว่าตั๋วเค้าขายหมดไปถึงอาทิตย์หน้าเลย ไม่เป็นไรชีวิตต้องไปต่อ


เว็บจองตั๋ว


สิ่งแรกที่สัมผัสได้ตั้งแต่มาถึงคือศิลปะและสถาปัตยกรรมของเมืองนี้ช่างแตกต่างกับโรมอย่างสิ้นเชิง สะอาดกว่าด้วย ถ้าดูจากทางเข้า Palazzo Vecchio จะเห็นว่าสีสันต่างๆจะดูนวลๆพาสเทล


ด้านในเป็นการทัวร์ห้องต่างๆในวัง แต่ละห้องถูกประดับตกแต่งด้วยภาพวาดรูปปั้น วัสดุก่อสร้างอาจจะไม่รวยเท่าโรมแต่มันมีเสน่ห์ในแบบของมัน ภาพวาดที่ห้องโถงรับแขกที่ใช้ประชุมหรือปราศัยในอดีตนี้เป็นภาพของดยุคบ้าง ภาพบรรยายฉากสงครามกับเมืองใกล้เคียงบ้าง

เดินดูรอบๆแล้วมันสะดุดตามากกับรูปสลักนี้ ทำไรกันนะ


ด้านในยังมีห้องเล็กๆอีกเยอะแยะที่มีภาพวาดงานศิลปะอยู่เบียดๆกัน อยู่กันครอบครัวเดียวเดินๆจะกลัวผีหลอกมั้ยรูปปั้นหน้าคนเต็มไปหมด

ตามสไตล์ต้องมีภาพวาดบนเพดานให้ปวดคอกลับไป ดูพี่คนนี้ถ่ายรูปแบบนี้ปวดหลังเลยนะ


ถึง Medici จะรวยมากแต่คงไม่รวยเท่าศาสนจักรในโรม วัสดุก่อสร้างก็ผสมๆกันระหว่างหินทรายหินแกรนิตหินอ่อน ที่พื้นในหลายๆห้องเป็นดินเผา แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะทำลวดลายสวยงาม


ด้านในจะมีห้องที่สะสมแผนที่ที่วาดมาตั้งแต่สมัย Renaissance ด้านในควรจะมีลูกโลกลูกแรกๆของโลกแต่วันนี้เค้าล้อมรั้วไว้ซ่อมบำรุง


เจอแผนที่ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดด้วยหนะ หน้าตาแปลกๆแต่สมัยนั้นเค้าไม่มีดาวเทียมนี่นะ
















แล้วก็มีวิวที่เห็นจากหน้าต่างระเบียงนิดหน่อย มีภาพ Santa Croce Basilica กับ Santa Maria del Fiore Cathedral ถ้าได้ขึ้นบนหอคอยก็จะเห็นชัดกว่านี้นะครับ


เมืองฟลอเรนซ์ก็ไม่ใหญ่มากเดินวนไปวนมาก็จะกลับมาเห็น Cathedral of Santa Maria del Fiore หรือ Duomo คือมันเห็นได้จากทุกที่เพราะว่าใหญ่มากจริงๆ


เดินมาจนเจอริมน้ำก็จะมองไปเห็น Ponte Vecchio สะพานเก่าที่บ้านเรือนร้านค้าอยู่บนสะพาน ถ้าจะถ่ายภาพสะพานนี้ก็ต้องไปยืนที่สะพานอื่น แนะนำไปที่สะพาน Ponte Santa Trinita ที่อยู่ข้างๆกัน

มองไปแล้วเห็นบ้านริมน้ำนี้ทำหน้าเบะด้วย ชีวิตเจ็บปวดไรมานะ

เดิน 10 นาทีก็มาถึงลานหน้า Santa Maria Novella Basilica โบสถ์เล็กๆ (ถ้าเทียบกับ Duomo) ที่สวยมาก ด้านหน้าของโบสถ์ใช้หินอ่อนหลายสีมาสร้างเป็นลวดลายละเอียดยิบ


มื้อเย็นวันนี้เอาร้านอาหารมาแนะนำอีกแล้วครับ Trattoria Dall'Oste, Borgo San Lorenzo ร้านนี้ดีมากจริงๆเอาหัวเป็นประกัน เป็นสเต็กสไตล์ Florence ชิ้นนึงน้ำหนัก 1.2 kg เนื้อวัวมาจากวัวท้องถิ่นผ่านการ dry age มาแล้ว ราคาสูงหน่อยแต่ว่าคุ้มแน่นอน เนื้อสวยงามมากเลยต้องถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วย แนะนำให้จองโต๊ะในเว็บล่วงหน้าซัก 2 อาทิตย์ ตอนที่ผมไปถ้าไปกินก่อน 1 ทุ่มเป็นเวลาก่อนร้านยุ่งได้ลด 30% ด้วยแน่ะ


เว็บร้าน https://trattoriadalloste.com/en/ จองร้านที่สะดวกได้เลยมี 2 - 3 สาขา









กินข้าวอิ่มแล้วมีแรงคืนนี้มีแผนจะไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่ Piazzale Michelangelo บนยอดเนินที่ออกนอกเมืองไปนิดหน่อย ตรงนี้มันก็ไกลไปหน่อยที่จะเดินแล้วรถก็จอดอยู่แถวที่พักก็เลยเดินหาแท๊กซี่กันโกลาหล สิ่งที่ควรรู้ก่อนมาคือที่ฟลอเรนซ์ไม่มี Uber และการหาแท๊กซี่คือต้องไปยืนรอที่ที่มีป้าย Taxi ปักอยู่แต่ไม่ใช่ทุกที่จะมีรถมา เดินหาโบกอยู่ครึ่งชั่วโมงไม่มีใครจอดจนเดินมาถึงหน้าโรงแรมหรูเลยถามเค้าว่าหารถที่ไหนได้บ้างคับ ลุงพนักงานใจดีมากบอกเดี๋ยวโทรเรียกให้เลย ได้ไปแล้ว

มาถึงแล้วคนเยอะมากแต่ยืนรอซักพักก็มีคนกลับเราก็เสียบเลย รออยู่ 2 ชั่วโมงเพราะท้องฟ้าสว่างแบบนี้เป็นชั่วโมงเพราะพิษหน้าร้อน วิวนี้ถ้าไม่ได้มาเหมือนกับไม่ได้มาฟลอเรนซ์เลยนะ

ทีนี้ตอนจะกลับบ้านเนี่ยรถแท๊กซี่มันน้อยแล้วมาช้า ถ้าไม่ได้ขับรถไปเองก็รอนานนิดนึงแต่ได้กลับแน่นอน

 

Day 5

คืนก่อนถ่ายรูปจน 4 ทุ่มเหมือนเดิมเลยกลับบ้านมาล้มพับไปเลย วันนี้จริงๆมีแผนว่าจะเดินไปยอดหอระฆังข้างๆ Duomo แต่ว่าวันก่อนไปเดินขึ้นยอดโดมที่วาติกันมาแล้วปวดเข่าจังเลยตัดสินใจทิ้งบัตรดีกว่าเพราะทริปนี้ยังอีกไกล อายุยังน้อยๆอยู่แท้ๆ


ถ้าสนใจอยากเดินขึ้นบันไดไปดูวิวจองตั๋วไปก่อนล่วงหน้าเหมือนเดิมนะครับ จองได้ที่นี่ https://operaduomofirenze.skiperformance.com/en/store#/en/buy


ไม่ขึ้นหอระฆังก็ไม่เป็นไรเดินไปดูรอบๆอย่างเดียวได้ อันนี้เดินผ่านจากที่พัก Santa Croce Basilica หน้าตาคล้ายๆ Santa Maria Novella เล็กน้อย

basilica of santa croce florence

โบสถ์ในฟลอเรนซ์เค้าก็จะมีสไตล์คล้ายๆกันประดับลวดลายด้วยหินอ่อนหลายสี ผมว่าสวยมากตรงที่เค้าใช้สีที่มีตามธรรมชาติแล้วก็เลือกสีได้เข้ากันเก่งมาก เมืองเก่าๆในยุโรปกับนั่งร้านเป็นของคู่กัน โบสถ์นี้เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1296 แล้วเสร็จ ค.ศ. 1436 ทั้งใหญ่โตและแข็งแรงต้านทานกาลเวลามาก

ด้านหน้าประตูก็จะมีภาพโมเสกอย่างละเอียดอยู่ด้วย สวยมากคนทำเก่งโคตร

จริงๆอยากจะเข้าไปดูข้างในแต่เค้าเปิดตั้ง 10 โมงแล้วตอนนั้นแค่ 8 โมงคิวที่ต่อเข้าไปข้างในยาวไปถึงท้ายโบสถ์แล้ว ถามหน้าประตูเค้าบอกว่าดูสภาพนี้ต้องรอ 2 ชั่วโมงกว่าจะได้เข้า ไม่มีค่าเข้าแต่ว่าขอตัดใจไม่เข้าไปหาเจลาโต้กินดีกว่าครับ

เดินจาก Duomo มานิดหน่อยก็จะถึงสะพาน Ponte Vecchio ที่มาถ่ายรูปเมื่อวานแต่วันนี้ได้เดินขึ้นละ บนสะพานนี่เหมือนว่าทุกร้านจะขายแต่เครื่องประดับเพชรพลอย ทองคำทุกร้านเลย ตอนเดินแถวนี้ให้ระวังมิจฉาชีพที่คอยเอาภาพวาดแผ่นใหญ่ๆมาวางที่พื้นเหมือนจะขายรอจังหวะคนไม่ระวังเดินเหยียบแล้วพวกนี้ก็จะขู่เอาเงินนะครับ มิจฉาชีพเอาจริงๆก็ไม่เยอะมาก มีแต่พวกให้ดอกไม้ให้ทำเป็นไม่ได้ยินเดินไปโลด

ponte vechhio

ที่ต่อไปจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์อีกที่ชื่อว่า Pitti Palace หรือ Palazzo Pitti เป็นบ้านใหม่ของตระกูล Medici ที่ย้ายมาจาก Palazzo Vecchio ที่ไปเที่ยวมาเมื่อวาน รวยแล้วขยับขยายไปอีก นี่มีป.ป.ช.มาตรวจสอบบ้างมั้ยว่าทรัพย์สินงอกมาจากไหนกัน อยู่ติดกับสะพาน Ponte Vecchio เลย


เว็บซื้อตั๋ว: https://www.uffizi.it/en/tickets

pitti palace

ด้านในเค้าจะมี 2 โซนคือบนตึกที่อยู่ข้างหน้านี้จะเป็นห้องแสดงศิลปะทรัพย์สินของดยุคกับครอบครัว อีกโซนจะเป็นสวนหลังบ้านที่ขนาดพื้นที่ประมาณหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆได้เลย แต่วันนี้เลือกไปแค่บนบ้านอย่างเดียวนะครับ


ด้านในมีผลงานหลายแบบทั้งภาพวาดบนผ้าใบ วาดบนผนัง วาดบนเพดาน วาดบนแจกัน จริงๆแล้วที่นี่นับว่าเป็น art gallery ด้วยเพราะมีหลายส่วนที่จัดแสดง modern art ไว้ด้วย ศิลปินหลายคนก็ยังมีชีวิตอยู่ไว้ให้คนมาดูได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงไปของศิลปะในแต่ละยุคสมัยเป็นอย่างดี

ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำหรือห้องส้วมก็มีภาพวาดมีพื้นลวดลายสวยงาม


ประทับใจมากๆอีกอย่างคือการที่เค้าเอาหินหลากหลายสีที่มาจากธรรมชาติมาสร้างเป็นภาพทั้งแลนด์สเคป ทั้งภาพสัตว์ดอกไม้ การที่ต้องมานั่งเลือกหินที่มีสีและเฉดสีเพื่อสร้างแสงเงาในภาพมันสุดยอดมาก ที่เห็นนี้คือด้านบนของโต๊ะวางของประดับ ไม่ว่าจะเป็นที่รูปที่กรอบทุกอย่างคือโมเสกหมดเลย

นอกจากภาพวาดแล้วก็เอามาทำเป็นรูปสลักด้วย แต่ทีนี้มีหลายสีแทนที่จะมีแต่สีขาวอย่างเดียว


เดินในนี้ก็นานอยู่น่าจะไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ออกมาแล้วแบบปวดเท้ามากเลยต้องพากันไปซื้อรองเท้าใหม่ อันนี้เป็นบทเรียนของทุกคนว่าให้เอาร้องเท้าที่ใส่สบายที่สุดไป สวยที่สุดรึเปล่าไม่สำคัญเลยเวลานี้

ช่วงบ่ายนี้ไปต่อที่ Accademia Gallery ที่นี่แหละที่มีรูปสลักหินอ่อน David ของ Michelangelo ของจริง ตอนนี้ที่หน้า Palazzo Vecchio เค้าเอาแบบจำลองมาตั้งแทนแล้วเอาของจริงมาเก็บไว้ใน museum จะได้ไม่ผุพังจากกาลเวลา ซื้อตั๋วล่วงหน้าด้วยเหมือนเดิมจ้า https://www.getyourguide.com/florence-l32/accademia-gallery-ticket-with-host-t395837/


คนมาเที่ยวที่นี่เยอะมากถึงกับต้องมาต่อคิวเข้าอยู่หน้าประตูเพราะเค้าต้องการจำกัดคนที่อยู่ข้างใน แต่เราซื้อตั๋วมาก่อนเลยไม่ต้องรอนานเหมือนคนที่มาซื้อหน้างาน เดินเข้ามาแล้วแอร์เย็นฉ่ำ แค่นี้ก็คุ้มแล้ว

พิพิธภัณฑ์เค้าก็แบ่งออกเป็นหลายห้อง เดินไปเดินมามันก็จะมาเจอกัน หลงๆนิดหน่อยแต่หาเจอแล้ว David ในห้องเดียวกันก็มีผลงานอื่นของ Michelangelo อยู่ด้วย Michelangelo บอกว่าเค้ามองว่าในหินแต่ละก้อนมันมีผลงานที่สมบูรณ์แล้วอยู่แล้ว เหลือแค่เค้าต้องมากระเทาะหินส่วนเกินออกเพื่อเปิดเผยงานเหล่านั้นเท่านั้นเอง เป็นมุมมองว่าอย่าไปบังคับว่าหินก้อนนี้จะทำเป็นอะไรแต่ให้ใช้จุดแข็งของวัสดุที่มีในการสร้างผลงาน อัจฉริยะนี่คิดไม่เหมือนคนธรรมดาจริงๆ

michelangelo's david

ความมีชื่อเสียงของผลงานนี้เกิดจากความสมจริงทางกายวิภาค เส้นเลือดที่มือ กระดูกและกล้ามเนื้อตามตัวและใบหน้า ขนาดที่ใหญ่มากเพราะตอนที่ถูกจ้างให้ทำงานนี้เค้าก็ตั้งใจจะเอาไปไว้ที่หลังคาโบสถ์ Duomo ใน Florence เลยต้องทำให้มันใหญ่หน่อยเดี๋ยวคนข้างล่างจะไม่เห็นความละเอียดยิบ แต่สุดท้ายไม่ได้ใช้เพราะว่ายกไม่ไหวน่ะสิ น้ำหนัก 6 ตัน!


วันนี้ก็จบลงอีกวัน ไม่เคยคิดว่าจะมาเดินดูงานศิลปะเยอะขนาดนี้แต่พอได้เห็นแล้วมันรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกที่มีคนบนโลกที่มีความอัจฉริยะขนาดนี้ ยิ่งเป็นคนยุค Renaissance ที่มีความรู้หลายแขนงมากเป็นทั้งศิลปิน ทั้งนักวิทยาศาสตร์ ทั้งวิศวกร เหมาะแล้วที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก


พรุ่งนี้จะไปต่อกันที่ Cinque Terre เมืองริมทะเลชิวๆที่ขับรถไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งจาก Florence


 

Day 6 - ชิงเคว เทเร่ (Cinque Terre)

วันนี้ออกรถแต่เช้าเพราะเมื่อคืนไม่ได้ไปรอถ่ายรูปจนดึกดื่น อากาศร้อนๆแบบนี้อยากไปเห็นทะเลแล้ว วิธีไปไม่ยากโดยเราจะขับรถไปที่เมืองลา สเปเซีย (La Spezia) ก่อนและนอนค้างคืนที่นี่ จาก La Spezia เราจะใช้วิธีนั่งรถไฟไป Cinque Terre กันเพราะลุงที่เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนต์บอกว่าขับรถไปทางมันยากมากไอ้หนู Cinque Terre แปลว่า 5 เมือง ทางที่เป็นหน้าผาริมทะเลจากเมือง La Spezia ยาวไปจนถึง Levanto มีเมืองเล็กๆอยู่ 5 เมืองแล้วสวยมาก ว่าแล้วไปดูเลยดีกว่าอย่ามัวพูดเยอะ

ระหว่างทางเราก็จะขับผ่านเมือง Pisa เลยแวะดูนิดนึง เหมือนเมืองนี้มีที่เที่ยวก็คือหอเอนนี่แหละครับเลยแวะแป๊บเดียวพอ เข้าใจว่าการขับรถเที่ยวเรื่องที่จอดนั้นเรื่องใหญ่ผมเลยหามาให้แล้ว จอดตรงนี้ได้ค่าจอดไม่แพงมาก https://goo.gl/maps/3EuLW8Usb49U9hwD7 ส่วนในเมืองถ้าไม่ได้เข้าไปในหอเอนก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรจ้า สวยดีครับมาดูให้รู้ว่ามาแล้ว 555

อีกความบันเทิงสำหรับใครที่อยากมา ใครมาท่าล้ำกว่านี้เอามาแข่งกันได้


พอกล้อมแกล้มไปต่อตามทางของเรา ขับรถต่อมาอีกชั่วโมงนึงก็มาถึงเมือง La Spezia ที่พักของเราวันนี้อยู่ที่ La Darsena เป็นอพาร์ทเมนต์ของคุณลุงใจดี อันนี้บ้านพัก น่ารักมากเป็นห้องใช้ที่อยู่ใต้หลังคาหน้าต่างเลยเปิดแบบนิ ไม่เคยเห็นตื่นเต้น 55 มองออกไปก็เป็นท่าเรือสินค้าอยู่หน้าบ้าน ตอนเช้าหวูดดังเป็นนาฬิกาปลุกเรียบร้อย ที่ไม่ได้เลือกไปนอนในแต่ละเมืองใน Cinque Terre เพราะมันแพงมาก!


พอเช็คอินกันเรียบร้อยลุงก็บอกว่าให้เอารถไปจอดที่จอดฟรีใกล้ๆสถานี ที่จอดฟรีเป็นของล้ำค่ามากในยุโรปเพราะไม่ว่าจอดตรงไหนก็เสียเงินแพงด้วย ใครเอารถมาเหมือนกันให้เอารถไปจอดที่ข้างถนนตรงนี้สองข้างได้เลย จอดมาแล้วไม่โดนปรับไม่โดนปล้น https://goo.gl/maps/jAXqbi8ZGhuM7FAF9 จอดรถแล้วก็ให้เปิด Google Maps เพื่อเดินไปที่ La Spezia Centrale


La Spezia เป็นเมืองท่าริมทะเลที่เมืองเค้าก็น่ารักดี บ้านเรือนสีสดใสคนไม่เยอะชิวมากๆ เสียดายที่เป็นแค่ทางผ่านเฉยๆ ถ่ายภาพมานิดหน่อยระหว่างทางที่เดินจากที่จอดรถไปสถานีรถไฟ


พอมาถึงที่สถานีแล้วเดินเข้าประตูไปแล้วเลี้ยวขวาจะมีห้องสำนักงานให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวอยู่และมีตั๋วแบบไม่จำกัดรอบนั่งอยู่ รวมรถบัสที่เมืองต่างๆรวมค่าเข้าส้วมด้วย ถ้าใครคิดจะนั่งกลับไปกลับมา ตั๋วรถไฟแต่ละรอบไม่เกิน 2.40 Euro มีทั้งหมด 5 เมืองลองคำนวณดูครับ



ซื้อบัตรแล้วมายืนรอที่ชานชะลา 1 ได้เลย รถไฟใหม่เอี่ยมแอร์เย็นฉ่ำกว่าที่คิดมาก ตอนแรกนึกว่าเป็นรถแบบชิวๆเก่าๆวินเทจ ข้างในนี่อย่างกับยานอวกาศ แผนของเราคือจะนั่งไปทีละเมืองแล้วค่อยย้อนกลับมาเมืองที่ว่าสวยที่สุดเพื่อถ่ายภาพพระอาทิตย์ตก เลือกยากมากแต่มีเวลาแค่คืนเดียว



คือนอกจากนั่งรถไฟแล้วมีอีกทางเลือกสำหรับคนบ้าพลังคือสามารถเดินข้ามเขาไปทั้ง 5 เมืองได้เพราะเค้ามีทาง treking ตามริมเขาเชื่อมต่อกันหมด ข้อดีของการเดินน่าจะได้เห็นวิวมุมแปลก แต่ว่าอากาศมันร้อนมากแถมขี้เกียจด้วย รถไฟแต่ละสถานีใช้เวลาไม่นาน มาถึงแล้วเมืองแรก


Riomaggiore

เดินเล่นได้นิดหน่อยเพราะเมืองเค้าเล็กๆเองน่ารักๆ น้ำทะเลใสมากมีคนเล่นน้ำเต็ม อากาศมันร้อนมากจนผมเองก็อยากจะโดดลงไปบ้างแต่ไม่มีชุดมาเปลี่ยนนี่น่ะสิ ดีใจที่วันนี้มีเมฆด้วย เวลามาเที่ยวชอบมีแต่ท้องฟ้าโล้นๆ

ตากเนื้อแดดเดียวกัน วันที่แดดแรงๆแบบนี้ถ้าใครอยากถ่ายภาพให้ได้เห็นน้ำใสๆแบบนี้ควรจะต้องเอา polarizer filter มาด้วยนะครับ เป็นอุปกรณ์เสริมที่หลายคนมองข้ามแต่ว่ามันสร้างความแตกต่างมากๆเวลามาถ่ายภาพน้ำสวยๆแบบนี้


Manarola

เมืองถัดมาจาก Riomaggiore ที่มีบ้านอยู่หน้าผาสูงมาก มีเด็กๆวัยรุ่นมากระโดดน้ำท้าความตายจากโขดหินสูงมาก ตอนแรกก็กะว่าจะจบตรงนี้นะแต่ว่ามาเห็นของจริงแล้วมันสวยไปหมดเลือกยากมาก