top of page
รูปภาพนักเขียนOpp

Lake Tahoe + Los Angeles รีคอนเนคกับธรรมชาติ ต่อด้วยสัมผัสบรรยากาศดินแดน Hollywood

อัปเดตเมื่อ 22 ก.ย. 2565


sand harbor lake tahoe

เดือนที่เดินทาง - พฤษภาคม 2019

ต่อจากตอนที่แล้วในแคลิฟอร์เนียหลังจากจบจาก San Francisco และ Yosemite ใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนก่อนหน้านี้ไปที่ลิงค์นี้ก่อนนะครับ https://www.nopeopletravelphoto.com/post/sanfrancisco_yosemite_may2019


การขับรถมาที่นี่หรือขับรถรอบบริเวณรอบทะเลสาบทาโฮนั้นเป็นอะไรที่สนุกมาก ถนนดีตลอดทาง โค้งไม่หักศอกจนเกินไปและวิวก็สวย ด้วยทั้งภูเขาและทะเลสาบ ใครที่อยากขับรถมาจาก San Francisco ก็ได้หรือจะแบบผมที่ขับต่อมาจาก Yosemite มีอีกทางเลือกคือนั่งเครื่องบินมาก็เร็วดีไม่เสียเวลาบนรถเยอะ


 

การเดินทางไป Lake Tahoe

แนะนำอีกครั้งว่าก่อนออกจากตัวเมืองไหนก็ตาม โหลดแผนที่ Google Map แบบ offline เอาไว้ก่อนเลยเพราะระหว่างทางที่อยู่ในภูเขานั้นอินเตอร์เน็ตมีแค่บางช่วง แต่พอมาถึงที่ Lake Tahoe แล้วไม่ต้องห่วงมีสัญญานครบตลอดเวลา


ตลอดข้างทางก่อนที่จะถึงทะเลสาบเป็นวิวภูเขาที่หิมะปกคลุมสวยๆ ทั้งมีจุดชมวิวประปรายให้จอดพักยืดแข้งยืดขากันได้ อากาศตอนกลางวันก็เย็นสบายดีในช่วงก่อนเข้าหน้าร้อน

หิมะกองเป็นปึกอยู่ข้างถนนดูแล้วเหมือนเค้กเป็นชั้นๆ

บ้านที่อยู่บนตลิ่งของทะเลสาบเล็กๆที่ยังเป็นน้ำแข็งอยู่ หิมะเยอะแยะขนาดนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยลงไปกระโดดเล่นกันใหญ่ ดีที่เจ้าของกระท่อมนี้ไม่ออกมาไล่ 555

 

ทะเลสาบทาโฮ (Lake Tahoe)

จริงๆตอนแรกไม่ได้วางแผนจะมาที่นี่แต่เป็นเพราะเพื่อนร่วมงานที่ซานฟรานซิสโกแนะนำให้ลองมาพอเปิดรูปดูแล้วก็ร้องโห เลยตัดสินใจสละวันนึงจาก Yosemite เพื่อมาที่ Lake Tahoe ขับรถมานับว่าไกลอยู่แต่พอได้เห็นของจริงแล้วมันหายเหนื่อย ที่นี่เป็นเมืองตากอากาศเล็กๆที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นห้าง ร้านอาหาร หรือแม้แต่คาสิโน


มาถึงจุดหมายก็บ่ายๆ ไปเช็คอินก่อนที่โรงแรมที่จองไว้แถว South Lake Tahoe ชื่อว่า Tahoe Lakeshore Lodge & Spa เป็นโรงแรมไม่ใหญ่ราคาไม่แพง เก่าๆเล็กน้อยแต่ห้องพักและห้องน้ำสะอาดกว้างขวาง แถมยังอยู่ติดริมทะเลสาบอีกด้วย ไม่ได้ถ่ายรูปห้องมาเพราะคุณแม่มาถึงนอนแผ่เรียบร้อยแล้ว 555 แต่มีภาพบริเวณโรงแรมให้ดูนิดหน่อย

บรรยากาศดีอากาศดี อะไรๆก็ดี ถ้ามีเวลาเยอะกว่านี้ก็น่าจะมานั่งๆนอนๆเล่นน้ำนิดหน่อยถ้าน้ำไม่เย็นเกินไป ทะเลสาบทาโฮจริงๆแล้วอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลเกือบ 1,900 เมตร และพื้นที่กว้างถึง 490 ตารางกิโลเมตร ทั้งใหญ่ทั้งสูง อะไรขนาดนั้น

พักผ่อนกันเล็กน้อย เดินเล่นแถวๆที่พักกันพอหายตื่นเต้น ได้เวลาขับรถเที่ยว ไปจอดที่แรก Sand Harbor จุดที่ได้ตำแหน่งน้ำใสที่สุดใน Lake Tahoe เป็นสวนสาธารณะกึ่งทางเดินชมธรรมชาติ

เห็นเด็กๆฝรั่งเค้าลงไปเล่นน้ำกันสนุกสนาน เราเองก็เลยลองเดินเอาขาจุ่มๆดู โหน้ำเย็นเบอร์นี้เล่นกันไปได้ มาถึงตรงนี้ฟ้าที่ใสๆก่อนหน้านี้ดันมีเมฆเยอะ คงเป็นเพราะเมฆที่พัดมาจากอีกฝั่งมาติดยอดเขาไปต่อไม่ได้เลยมากองกันตรงนี้ ต้องรอบางช่วงที่ฟ้าเปิดให้แดดส่องลงมาโดนน้ำเพื่อให้เห็นความใสแบบนี้

ทุกคนที่มาด้วยกันออกความเห็นเหมือนกันว่าพรุ่งนี้ก่อนกลับบ้านอยากมาลองอีกทีด้วยหวังว่าเมฆจะน้อยกว่านี้ ตอนนี้เลยขับรถเล่นต่อไปอีกจนผ่านเส้นกันเขตแดนระหว่าง California กับ Nevada ผ่านไปแล้วก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ 555 ระหว่างทางก็มีวิวสวยๆให้เห็นตลอด จอดรถลงมาถ่ายรูปกันอยู่เรื่อยๆ


หลานที่อาศัยอยู่ที่อเมริกามาเที่ยวด้วย ชอบไปปีนเล่นเป็นลิง เจอมุมนี้พอดีถ่ายเก็บไว้ก่อน

ขับไปได้ไม่ถึงครึ่งรอบทะเลสาบเลยฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว กว้างมากจริงๆ เราเลยตัดสินใจหักรถกลับและผมก็ขอจอดที่สุดท้ายตรงนี้ก่อนแวะกินร้านจิ้มจุ่มแถวนี้ก่อนกลับโรงแรม ร้านจิ้มจุ่มจริงๆมีเจ้าของและพนักงานเป็นคนไทย บันเทิง 555

คืนนี้รีบพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นไปรอพระอาทิตย์ขึ้นที่ Emerald Bay State Park พลาดตรงนี้เหมือนไม่ได้มา


ตัดมาเช้าวันนี้ขับรถจากที่พักไปไม่นานถนนจะเริ่มเป็นทางขึ้นเขาอีกครั้ง ถนนตรงนี้สวยมากและสองข้างทางไม่มีอะไรบดบังวิวเลยเพราะเป็นเนินลงไปชันมาก ทั้งสวยทั้งหวาดเสียว ไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปถนนตรงนี้มาให้ดูเพราะมันแคบมากและจอดรถไม่ได้เลย

เอาเป็นว่ามาถึงตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น อากาศหนาวมากมือสั่นไปหมด ตั้งกล้องหามุมเสร็จแล้วก็ทิ้งกล้องไว้ข้างนอกแล้วไปนั่งรอในรถอุ่นๆรอแสงอาทิตย์ขึ้นมาจากหลังเขา ภาพนี้ถ่ายมาด้วย shutter speed 30 วินาที 4 ภาพต่อกันทำให้เหมือนกับเปิดชัตเตอร์ไว้ 2 นาที เมฆที่มีการเคลื่อนไหวและพื้นน้ำที่ไม่มีคลื่นแข็งให้หมดอารมณ์ เกาะตรงกลางอ่าวคือ Fannette Island บนเกาะมีอาคารหินเก่าแก่ตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน มองดูแล้วทำให้ดูลึกลับดี ถ้าดูภาพที่สองจะเห็นเงาๆอยู่ยอดเกาะ เกาะนี้สามารถพายเรือแคนูหรือเรือคายัคข้ามไปได้แต่ไม่ให้ว่ายน้ำเพราะน้ำเย็นมากจนอันตรายครับ

หันไปทางอื่นๆก็ยังมีภูเขาหินหน้าตาไม่ธรรมดาอยู่ด้วย ขอบสะพานหินนั่นเองที่ผมเอาไว้ตั้งกล้องถ่ายภาพอ่าว ตรงนี้หาไม่ยากอยู่ติดริมถนนเลยครับ

พอพระอาทิตย์เริ่มสูงขึ้นมามากผมย้ายมุมไปตรงที่พระอาทิตย์ไม่เข้ากล้องตรงๆเพื่อหวังผลจาก Fannette Island แนวต้นสนและภูเขารอบๆ Emerald Bay ที่รับแสงอาทิตย์ยามเช้าอยู่ ตื่นเช้าเหนื่อยหน่อยแต่เห็นแบบนี้แล้วมันคุ้ม

แสงแดดที่สองมาที่ต้นสนให้เป็นสีเหลืองทองทำให้ดูอบอุ่น แสงแดดที่สะท้อนที่คลื่นผิวน้ำดูระยิบระยับ อะไรๆก็เป็นใจ เห็นภาพนี้ใครจะรู้บ้างว่าตอนถ่ายภาพหนาวสั่นลมพัดหน้าชา แม่กับป้าที่มาด้วยกันไปอาศัยกำแพงห้องน้ำสาธารณะช่วยกำบังลม 555

เป็นเช้าที่มีความสุขมากๆ ทั้งได้ไปเห็นสถานที่สวยเกินจินตนาการแล้วยังได้รูปสวยๆติดไม้ติดมือกลับมาด้วย ทั้งแม่และป้าก็มีความสุขไปด้วยถึงจะหนาวไปหน่อย ขับรถกลับที่พักกันเลยเพราะมีคนอื่นๆที่มาด้วยกันแต่ไม่สามารถตื่นมาดูได้

หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้วก่อนออกจากทะเลสาบทาโฮเราก็พากันไปแวะที่ Sand Harbor อีกครั้งเพื่อแก้ตัวจากเมื่อวาน เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆเมื่อเช้า ที่ Sand Harbor เมฆเยอะอีกแล้วจ่ะ


รอบนี้มุมเดิมลองเปลี่ยนมาใช้เทคนิค long exposure ดูบ้างให้คลื่นน้ำละลายหายไป ผมเองก็สองจิตสองใจว่าแบบไหนสวยกว่า ใครมีความเห็นมาคุยกันครับ

นอกจากภาพมุมเดิมแล้วยังมีทางเดินให้เข้าไปดูด้านในได้อีก แนวหินสวยๆทั่วบริเวณและน้ำใสมากจริงเวลาที่มีแดดส่องลงมา เช้านี้คลื่นและลมค่อนข้างแรง เดินๆอยู่ก็มีน้ำกระเด็นมาใส่บ้างเป็นระยะๆ

เดินๆไปก็มีเสียงนกแถวนี้มาบินไล่กันไปมา ไม่รู้มาจีบหรือตีกัน ตอนแรกผมไม่รู้หรอกนกอะไรแต่ไปค้นคว้าดูแล้วก็ยังไม่รู้ ล้อเล่น 555 นกท้องถิ่นชื่อว่า Stellar's Jay คาดว่าคงเป็นดวงๆที่หน้าผากเค้าเลยเรียกด้วยคำว่า Stellar ที่แปลว่าดวงดาว นกอะไรหล่อจัง

ก่อนออกจะออกไปจากเขตทะเลสาบเราต้องผ่านอีกจุดซึ่งพอเห็นแล้วทุกคนก็ร้องให้จอด เป็นสวนสาธารณะริมน้ำใกล้ๆกับอุโมงค์ถนนที่เจาะลอดภูเขา มีชื่อด้วยว่า Cave Rock สวนนั้นชื่อว่า Cave Rock - Lake Tahoe Nevada State Park ถ้าไม่สังเกตดีๆอาจเลยได้จ่ะ

สิ่งแรกที่มองเห็นก่อนและร้องเอ๊ะขึ้นมาและเป็นสาเหตุให้จอดรถตรงนี้ก็คือต้นซากุระ 3 - 4 ต้น คือพึ่งไปญี่ปุ่นมาก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนเพื่อไปดูดอกซากุระ มาที่นี่ดอกซากุระเค้าสวยกว่าอีก คือสีเข้มกว่าและกลีบดอกดูแข็งแรงสดชื่นมาก 555

รอบๆสวยก็สวยน่านั่งพักผ่อนเหมือนกัน มองออกไปก็เห็นเทือกเขาฝั่งตรงข้าม ท้องฟ้าตรงนี้สดใสเพราะไม่ได้อยู่ติดยอดเขาสูง นั่งเล่นตรงม้านั่งนี่หน่อย ไม่ถึง 5 นาทีคลื่นซัดกระทบฝั่งน้ำกระเด็นใส่ขาเปียกซะ ดีนะมาเที่ยวอารมณ์ดี

เที่ยว Lake Tahoe ครั้งนี้ถึงแม้จะพลาดที่ถ่ายรูปสวยๆไปเยอะแต่พูดจริงๆเลยว่ามาที่นี่คุ้มมากๆ ทั้งการเดินทางที่มีอะไรตื่นเต้นให้เห็นตลอด อากาศดีๆ ธรรมชาติยิ่งใหญ่อลังการ ถ้าใครมีโอกาสไป California แนะนำให้ Lake Tahoe เป็นหนึ่งในสถานที่ที่จะไปครับ


หลังจากตรงนี้แล้วก็มีแต่ขับรถดิ่งเข้าตัวเมืองซานฟรานซิสโกแล้วเพื่อรอขึ้นเครื่องบินไป Los Angeles ต่อเป็นขาสุดท้ายก่อนกลับไปประชุมงานที่รัฐอื่นและฝากแม่ไว้กับพี่สาวที่ทำงานอยู่อีกรัฐ ว่าแล้วไปต่อเลยที่ LA!

 

ลอสแอนเจลิส (Los Angeles)

พูดตรงๆว่าไม่ได้วางแผนมาถ่ายภาพเยอะแยะเลยที่แอลเอเพราะดูแล้วไม่ใช่ที่ที่ควรโฟกัสกับ cityscape หรือ landscape ที่นี่เราเลยใช้วิธีการเกาะไปกับกรุ๊ปทัวร์แทน เหมือนเป็น LA 101 ไม่ได้คาดหวังอะไรเยอะแต่สุดท้ายแล้วก็สนุกดีเหมือนกันครับ มีเวลาที่นี่แค่ 2 วันเต็มๆและ 1 ในนั้นทุ่มไปให้กับการไป Universal Studio ซึ่งขอไม่เอามาเล่าให้ฟังละกันเพราะทุกคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว

บินลงมาถึงแอลเอก็ดึกพอสมควรรีบพักผ่อนก่อนไปเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้


ทัวร์ที่จองมานัดเจอกันใกล้ๆกับ Santa Monica Pier ใน Santa Monica ที่โด่งดังและไปอยู่ในหนังฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง เป็นสะพานที่ยื่นลงไปในทะเลและมีสวนสนุกอยู่บนท่าน้ำ เป็นภาพคลาสสิกที่ถึงไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ก็ต้องเคยเห็นผ่านตามาแล้วจากในหนังแน่นอน

เดินๆเล่นกันซื้อขนมกินนิดหน่อยแล้วอยู่ดีๆก็มีลุงคนนึงเดินๆตะโกนลั่นเชิงว่าชวนเชื่อแถวๆท่าน้ำทำนองบอกว่าศาสนาหนึ่งมาล้างสมองเยาวชนชาวอเมริกันนะมึง ระวังลูกหลานไว้ให้ดี คือมีความรู้สึกว่า เออว่ะ มันมีคนเพี้ยนๆแบบนี้จริงๆด้วย 555 เราก็เลี่ยงๆไปซะอย่าไปใกล้ๆ


ที่ตรงนี้ก็เป็นเหมือนที่พักผ่อนของคนที่นี่ บางทีก็เป็นลานกิจกรรมไว้รณรงค์อะไรก็ว่าไป

สิ่งที่ทำใหแปลกใจอีกอย่างคือที่นี่มีต้นมะพร้าวหรือต้นปาล์มเยอะมาก คือผมก็เคยไปเมืองอื่นรัฐอื่นมาบ้างที่นี่เป็นที่แรกที่เห็นต้นปาล์มเยอะแบบนี้ บอกตรงๆไม่ชินมันรู้สึกเหมือนอยู่แถวบ้าน

ตึกรามบ้านช่องแถว Santa Monica เค้าก็ดูแบ๊วๆดีทั้งสีและรูปทรง ออกไปแนวๆลาตินอเมริกาซะมากกว่า

ทั้ง Santa Monica และ LA เป็นเมืองใหญ่ที่เงียบที่สุดที่ผมเห็นมาทั้งในอเมริกาและบนโลกนี้ คือถนนโล่งคนก็ไม่ค่อยเยอะเหมือนที่ San Francisco หรือ New York ที่เคยไปมา เหมือนเค้าชิวๆกันทั้งเมืองอะไรแบบนั้น

ถึงจุดนัดพบแล้ว ในคณะก็มีแค่กลุ่มเราที่เป็นชาวต่างชาติ ส่วนมากคนที่นี่เค้าคงเที่ยวกันในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ประเทศใหญ่ขนาดนี้เที่ยวจะหมดมั้ยทั้งชีวิต ที่แรกที่ทัวร์พาไปคือ Santa Monica Pier พึ่งเดินกลับมา 555 แต่เป็นอย่างที่คิดคือจอดดูได้แต่ด้านหน้าอย่างเดียว ดีนะที่ไปมาแล้ว

ให้ชะโงกถ่ายรูปนิดนึงแล้วพาเราไปต่อที่อีกสถานที่ดังใน Santa Monica คือ Venice Beach นี่เอง ประวัติมันยาวนานว่าทำไมได้ชื่อนี้มาแต่เอาเป็นว่าตรงนี้เองที่หนังหรือเกมหลายๆค่ายใช้เป็นต้นแบบของฉาก เช่น Grand Theft Auto V ใครเคยเล่นเกมนี้น่าจะร้องอ๋อออ

ที่ตรงนี้บอกเลยมีกิจกรรมทุกรูปแบบ เล่นบาส ปั่นจักรยานพ่นสีใส่กำแพงใส่ต้นไม้ ถ่ายแบบ เล่นกล้าม เล่นเซิร์ฟ ต่อยกัน 555 ฟิตเนสกลางแจ้งตรงนี้ไกด์บอกว่าอาโนลด์คนเหล็กมาออกกำลังกายตั้งแต่หนุ่มยันตอนนี้ยังมีโผล่มาอยู่เลย เป็นเหมือนฟิตเนสในตำนานอะไรแบบนั้น เดินๆอยู่ก็มีใครไม่รู้มาเบ่งกล้ามใกล้ๆหน้า คนแถวนี้ทำตัวเหมือนออกมาจากในหนัง 555

ตรงนี้ก็ถ่ายแบบกัน ลุงนี่ก็นอนดูสบายใจ

หาดทรายกว้างใหญ่ไพศาลมากจนไม่ได้มีเวลาเดินไปจนถึงทะเล พอมารวมตัวจะขึ้นรถกันคนอเมริกันในกลุ่มก็บอกว่าเนี่ยๆ ที่รองเท้าห้อยมากจากสายไฟแปลว่าตรงนี้เป็นจุดแลกยา คือถ้าป้าคนนี้รู้โค้ดลับแบบนี้ตำรวจเค้าไม่รู้กันหรอ

สิ่งที่ไกด์พยายามจะอธิบายตลอดเวลาอีกอย่างคือพวกภาพวาดบนกำแพงที่เค้าเรียกว่า mural ว่าความเป็นมาเป็นยังไง จำไม่ได้ครับ เยอะมากแถวนี้มือบอน 555 ข้างล่างรถทัวร์เราเอง สีแบบนี้แต่ไม่มีกิจกรรมสายเขียวนะบอกก่อน

จุดหมายต่อไปทัวร์เค้าก็พาเราไปที่ย่านพักอาศัยของคนรวย Beverly Hills เป็นเมืองคนมีฐานะรวยมากอย่างดารา Hollywood เมืองที่สร้างมาเพื่อคนรวยอย่างแท้จริง ตรงนี้เราก็เดินๆดูนิดหน่อยว่าดารา Hollywood นี่เค้าเดินออกมาจากบ้านแล้วเห็นอะไรกัน 555 ทำได้แค่นี้จริงๆ

ตรงนี้ไกด์ให้เวลาไม่นานกลัวพวกเราเข้าไปแล้วร้อนเหมือนผีเข้าวัด ล้อเล่นจริงๆเค้าไม่มีที่จอด ไปต่ออีกที่เลยเพราะไกด์บอกว่าเมียให้กลับไปกินข้าวบ้านเย็นนี้

ไปต่อที่ The Original Farmers Market หรือตลาดสดดั้งเดิมอะไรประมาณนี้ เหมือนเคยเป็นตลาดสดมาก่อนที่เค้าจะเอาห้างมาสร้างไว้ข้างๆ ด้านในก็มีของขายเยอะมาก ของกินมีให้เลือกเยอะแยะ ถ้ามีกำลังลองกินกันเยอะๆเพราะว่าอร่อยหลายอย่าง ราคาก็ไม่ได้แพงเกินมนุษย์มนา กินเสร็จแล้วก็เดินเล่นได้นิดนึง

ทัวร์นี้เค้าไม่ได้พาเราไปถึงที่ป้าย Hollywood ใกล้ๆเลยแต่ว่าเค้าก็พาเราไปตรงจุดชมวิวที่มองไปแล้วเห็นป้ายเล็กๆ โชคดีเรามีเลนส์มาส่องได้ไม่ต้องเดินไป แต่ถ้าใครสนใจอยากเดินไปก็มีเส้นทางให้เหมือนกันครับ ไกด์เล่าว่าจริงป้ายเนี่ยเค้าไว้โฆษณาขายบ้านบนเขา แต่มันดันดังขึ้นมาเค้าเลยเก็บไว้เลย ที่ผ่านมาก็โดนปู้ยีปู้ยำกันมามากทั้งพ่นสีทั้งฝนตกแดดออกจนพังพินาศเค้าเลยซ่อมใหม่ติดกล้องจับพวกมือบอนเลยอยู่มาสวยอย่างทุกวันนี้ ป้ายแค่นี้ประวัติเยอะแยะ

จากตรงนี้มองลงไปเห็นวิวเมืองด้วย

ที่ต่อไปเป็นทึ่สุดท้ายและรถทัวร์ก็จะทิ้งเราไว้ตรงนี้ที่ Hollywood Boulevard ถนนแห่งโลกมายา มีชื่อให้ด้วย เป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์คของฮอลลีวู้ดมากมายส่วนมากจะเป็นโรงละครไว้จัดพิธีสำคัญๆเช่นมอบรางวัลออสก้า หรือเปิดตัวหนังใหญ่ๆ


อย่างอันนี้คือ TCL Chinese Theatre คนสร้างไม่ได้ปรึกษาคนจีน หน้าตาถึงออกมาเป็นแบบนี้ ตรงนี้ด้านหน้าประตูทางเข้าเป็นที่ที่ดาราดังๆได้ประทับฝ่ามือฝ่าเท้าไว้ให้คนรุ่นหลังได้กราบไหว้

อีกที่ที่โด่งดังก็คือ Hollywood & Highland เคยได้รางวัลตึกที่อัปลักษณ์ที่สุดใน Los Angeles เสียใจและสงสาร ตรงนี้สามารถมองเห็นป้ายฮอลลีวู้ดได้เหมือนกัน แล้วไปกันทำไมตั้งไกลนะ

ฝั่งตรงข้ามของห้างนี้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ผมจะจำได้เป็นอย่างดี El Capitan Theatre เป็นโรงละครหรือโรงหนังที่ดิสนีย์เป็นเจ้าของและใช้ที่นี่ในการเปิดตัวหนังใหม่ในค่ายตัวเอง

ตอนที่ไป Averngers Endgame กำลังฉายอยู่พอดีแล้วยังไม่ได้ดูด้วย เห็นแล้วแบบนี้ ไม่รู้เย็นนี้จะไปไหนต่อ ดูหนังดิสนีย์ในโรงดิสนีย์ไปเลยจะเป็นไร

นี่เป็นครั้งแรกและคงเป็นครั้งเดียวที่ผมเข้าไปดูหนังเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ แต่บอกเลยว่าเจ๋งมากที่มาถึงถิ่นเค้า ด้านในหน้าโรงมีจัดแสดงชุดและอุปกรณ์ของเหล่าฮีโร่ให้คนธรรมดาอย่างเราได้ดู ของพวกนี้เป็นอันเดียวกับที่ใช้ในการถ่ายทำด้วยแหละครับ เท่มากๆ มีตั้งแต่หน้ากากของ Ironman ในรุ่นหน้าแหก, ค้อนของ Thor, ชุดของหลายๆฮีโร่, ไปจนถึงพระจตุคามของ Dr. Strange สาธุ

แต่ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าของเล่นที่เค้ามาโชว์ไว้คือประสบการณ์ในโรงหนังทั้งหมดที่บอกเลยว่าไม่มีทางเห็นในโรงหนังบ้านเราแน่นอน มีพิธีกรมาแนะนำโรงหนังและหนังก่อนหนังเริ่ม คนดูปรบมือก่อนหนังเริ่ม คนโห่ฮาเวลาตัวละครเด่นๆออกมา เหมือนเค้าดูหนังไลฟ์กันยังไงยังงั้น 555


แล้วจะมีโรงหนังที่ไหนที่ด้านในเค้าทำสวยงามเบอร์นี้ ก่อนหนังเริ่มมีการเปิดม่านขึ้นมาอย่างกับดูละครเวที ล้ำที่สุด

เรื่องเล่าผมมีแค่นี้เพราะวันที่เหลือเราใช้ที่ Universal Studio ทั้งวัน อย่างไรก็ตามผมหวังว่าทริปนี้พาทุกคนไปสนุกด้วยกันตั้งแต่ต้นจนจบจาก San Francisco จนถึง Los Angeles ขอบคุณที่ติดตามครับ