top of page
  • รูปภาพนักเขียนOpp

เที่ยวอินโด 4 วัน 3 คืน ลาบวน บาโจ (Labuan Bajo) และ เกาะโคโมโด (Komodo Island)


padar island labuan bajo komodo national park indonesia

เดือนที่เดินทาง - เมษายน 2023


ถ้าพูดชื่อลาบวน บาโจขึ้นมาหลายคนคงจะไม่รู้จักแต่ถ้าบอกว่าเกาะโคโมโดน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างไอตัวที่เรียกว่ามังกรโคโมโด พอดีเดือนเมษานี้มันมีวันหยุดยาวก็เลยอดใจไม่ไหวต้องรีบจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวใกล้ๆย้อมใจจากการทำงานซะหน่อย


Labuan Bajo เป็นเมืองชายฝั่งเล็กๆของเกาะฟลอเรส (Flores) และสถานที่เที่ยวที่โดดเด่นสุดๆเลยก็คืออุทยานแห่งชาติโคโมโด (Komodo National Park) ที่เป็นที่อยู่อาศัยของมังกรโคโมโดตามธรรมชาติแหล่งสุดท้าย แถมยังมีธรรมชาติที่สวยมากๆอีกด้วย

การไปเที่ยวตามเกาะต่างๆก็จะแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนไม่ว่าจะนอนบนบกแล้วจองทัวร์เที่ยวหรือจะไปเที่ยวกับเรือนอนบนเรือไปเลยก็ได้ ส่วนของเราก็แบบไหนๆมาแล้วลองนอนเรือดูละกันเนอะ ถ้าอ่านแล้วอยากจะตามรอยแบบเป๊ะๆไปจองได้ที่เว็บนี้เลยจ้า เรือนี้จะออกเฉพาะวันศุกร์แล้วกลับวันอาทิตย์เท่านั้น ประสบการณ์เป็นแบบไหนไปอ่านกันได้เลย


สิ่งที่ควรเตรียมมา

  • รองเท้าแตะสำหรับไปหาด

  • รองเท้าเดินเขาหรือรองเท้าผ้าใบที่เดินสบาย

  • ชุดว่ายน้ำสำหรับดำน้ำและ snorkeling

  • เสื้อกันแดดเพราะแดดรุนแรงมาก

สนามบินที่ Labuan Bajo นี้เค้าไม่มีบินระหว่างประเทศเลยเพราะฉะนั้นการไปเที่ยวสามารถต่อเครื่องได้ที่จาการ์ตาหรือบาหลีก็ได้ สนามบินที่จาการ์ตาเค้าใหญ่มากนะครับเผื่อเวลาต่อเครื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมงนะ


ระหว่างนั่งเครื่องจากจาการ์ตาไปลาบวน บาโจเครื่องบินบินผ่านเกาะภูเขาไฟที่เปิดแผนที่ดูน่าจะเป็น Pulau Sangeang ที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเลแล้วมีเมฆติดยอดเขาเยอะแยะดูลึกลับสวยดีครับ ยังไม่ถึงที่ก็สนุกแล้ว

เครื่องบินมาถึงเกือบสี่โมงเย็นแล้ว พอเครื่องลงแล้วสนามบินเค้าถึงจะเล็กๆแต่ก็ดูทันสมัย ออกมาจากเครื่องปั๊บมีประธานาธิบดี Joko Widodo รอต้อนรับ ส่วนออกนอกสนามบินมีแท๊กซี่เรียกร้องให้เราไปนั่งรถหลายสิบคน อันนี้แท๊กซี่ปกติราคาประมาณ 100,000 รูเปียหรือประมาณ 230 บาท แต่เพราะคนมาแย่งลูกค้ากันเยอะเลยมีคนให้ราคาแค่ 50,000 ไปสิครับ


โดยวันนี้เราก็ไม่ได้ทำอะไรมากครับแค่นอนรอวันรุ่งขึ้นบริษัททัวร์มารับไปออกเรือ วันนี้ก็เดินเล่นในเมือง Labuan Bajo รอไปก่อนหาอะไรกิน กับข้าวที่อินโดนี่อร่อยมากครับถูกปากคล้ายๆอาหารบ้านเรา โรงแรมก็มีให้เลือกหลายระดับตั้งแต่คืนละไม่ถึงพันไปจน 2-3 พันบาท โรงแรมเราอยู่ที่ Meruorah Komodo Labuan Bajo ที่อยู่ใกล้ๆกับท่าเรือ ห้องมีวิวท่าเรือแต่ที่สำคัญที่สุดคือเตียงนอนหลับสนิทมากเป็นการเตรียมพร้อมก่อนไปนอนไม่หลับบนเรือคืนพรุ่งนี้


พอวางของไรแล้วก็ออกไปเดินดูในเมืองหน่อยว่ามีไรบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายทัวร์ คาเฟ่ ร้านชำ ร้านข้าวแกง พอตกเย็นมัสยิดเค้าก็เริ่มเปิดลำโพงสวดมนต์กันตามปกติ เราก็ไปรอดูพระอาทิตย์ตกกันที่ร้านอาหาร Senja Eatery อาหารอร่อยถ้าไม่รู้จะกินอะไรกินร้านนี้ได้ครับ


อีกร้านอาหารนึงที่อาหารอร่อยวิวสวยคือ Taman Laut Handayani สำหรับใครมีเวลาเหลือ ร้านนี้เราไปกันวันกลับเพราะเวลาเหลือก่อนเครื่องบินออกจ้า


 

ทัวร์วันที่ 1

พนักงานทัวร์เค้าติดต่อมาก่อนแล้วทาง Whatsapp สามสี่วันก่อนเดินทางเพื่อนัดเวลารถมารับที่โรงแรม วันรุ่งขึ้นคนขับมารับประมาณ 9 โมงครึ่งแล้วไปส่งที่ท่าเรือข้างๆโรงแรม ถ้ารู้ก่อนเดินไปก็ได้นะ การจัดการที่ท่าเรือก็จะงงๆหน่อยโดยพนักงานของแต่ละบริษัทจะมารอรับแล้วก็แนะนำให้เรารู้จักกับไกด์ของเรา พนักงานไกด์ที่อินโดนี่เค้าพร้อมมากที่จะช่วยถ่ายรูป ถ้าใครมาเองไม่มีคนถ่ายรูปให้ไม่ต้องห่วงให้เดินใกล้ๆไกด์ไว้ มีทั้งกล้องและโดรนถ่ายมุมเตี้ยและมุมสูง

ตรงนี้เค้าจะขอเงินค่าเข้าอุทยานโคโมโดราคา 550,000 รูเปียต่อหัว หรือประมาณ 1,200 บาทแพงใช้ได้! สิ่งที่รวมในแพ็กเกจก็จะตามด้านล่างเลย แต่เวลาเค้าแวะเกาะนู่นนี่เราก็สามารถซื้อน้ำอัดลม มาม่า​ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรเตรียมแลกเงินไว้ด้วยนะครับ

  • เที่ยว 3 วัน 2 คืน เริ่ม 9 โมงวันแรก จบเที่ยงวันสุดท้าย

  • ห้องนอนรวม 4 คนพร้อมแอร์แผ่วๆ (ถ้าต้องการห้องส่วนตัวต้องแจ้งล่วงหน้าและราคาแพงกว่า)

  • ห้องน้ำรวม สบู่ ยาสระผมต้องเอามาเอง

  • น้ำดื่ม ชา กาแฟ

  • อาหารทุกมื้อที่เราอยู่บนเรือ

labuan bajo

พอยืนรอซักพักไกด์ก็พร้อมเรียกให้ขึ้นเรือเล็กกันเลย เรือเล็กนี้ก็จะเป็นยานพาหนะที่เราต้องนั่งจากเรือใหญ่ไปที่เกาะต่างๆตลอด 3 วัน กว่าจะถึงเรือหน้าเปียกพอสมควรเพราะนั่งใกล้น้ำมาก!

ถ่ายรูปเรือตัวเองไม่ค่อยชัด เรือซ้ายนี่ดูแล้วเหมือนจะเป็นคนที่จ่ายแพงกว่าเพราะทุกห้องเป็นห้องส่วนตัว ส่วนเรือเราเป็นลำเล็กๆข้างขวาหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยม


ด้านในมีพื้นที่กินข้าวรวม อาหารเค้าก็อร่อยดีครับ อาจจะติดว่าน้อยไปหน่อยเพราะลูกค้าเยอะ มีที่นั่งนอนดูวิวอาบแดดบนดาดฟ้ากับหน้าเรือด้วย ส่วนห้องนอนก็ตามที่เห็นเลยครับ ไม่ใหญ่มากแต่อยู่ได้ มีหมอน ฟูก และผ้าเช็ดตัวที่สีหมองๆให้ ถ้าไม่สบายใจควรเตรียมไปเอง หมอนใต้ปลอกก็จะสีดำๆน่าสงสัยภรรยาเลยเอาเสื้อผ้ามารองเพิ่มเพื่อความสบายใจ

ด้วยความเป็นเรือหรืออะไรไม่รู้ที่ทำให้ดูแลความสะอาดยากก็จะมีแมลงสาปตัวเล็กๆให้เห็นอยู่บ้างแต่ด้วยราคาที่จ่ายก็ยอมรับได้นะ


พอถึงเวลาคนมาครบแล้วเรือก็ออกจากอ่าว มองออกไปเห็นฝั่งที่จากมาแล้วก็เรือคนอื่นที่หน้าตาสวยงาม


ไกด์ก็อธิบายให้ลูกทัวร์ฟังว่าวันนี้โปรแกรมมีอะไรบ้างระหว่างที่เรือล่องไปผ่านวิวสวยอลังการข้างทาง ภูเขาแถวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหญ้าเตี้ยๆหมดเลยครับดูแล้วแปลกตาเหมือนไปเที่ยวยุโรป ส่วนวันนี้เราจะไปกันที่

  • Kelor Island ที่จะต้องเดินขึ้นเขาเล็กน้อยไปจุดชมวิว

  • สน็อกเกิลแถวๆเกาะ Kelapa

  • จอดเรือรอดูค้างคาวออกจากถ้ำและพระอาทิตย์ตก


ตอนแรกก็ติดว่าจะมาดูแต่ภูเขาอย่างเดียวแต่พอมาถึงแล้วถึงได้เห็นว่าน้ำทะเลใสขนาดนี้ ทางเดินขึ้นชันเล็กน้อยแล้วก็แคบทำให้การสัญจรติดขัดนิดหน่อยเวลาคนเยอะๆ รองเท้าควรใส่ให้เหมาะสมเพราะรองเท้าแตะอาจจะขาดได้

บนยอดคนก็จะเข้าคิวกันถ่ายรูปกับวิว ถ้าใครไม่อยากรอเราไม่ต้องไปถ่ายบนยอดสุดก็ได้ครับเพราะเดินลงมานิดหน่อยก็สวยเหมือนกัน

มีเวลาเดินลงไปนั่งเล่นริมหาดระหว่างคนอื่นเค้าถ่ายรูปกัน หาดสวยมากนำ้ใสเห็นแล้วรู้สึกดีสบายใจ


คนกลับมาครบแล้วก็ออกเรือไปจุดหมายถัดไปคือจุดดำน้ำเกาะ Kelapa ไม่มีรูปดำน้ำเพราะดำไม่เป็นจ้า แค่ใส่เสื้อชูชีพลอยๆก็เหนื่อยแล้ว


และก็มาถึงจุดหมายสุดท้ายของวันนี้ที่ห่างไปจากจุดดำน้ำแค่สิบนาทีเอง พระอาทิตย์ก็เริ่มลงต่ำด้านล่างมีเรือจอดบรรยากาศสบายๆ และค้างคาวก็เริ่มแห่กันออกจากรังเป็นสายบนท้องฟ้าจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า


 

ทัวร์วันที่ 2

โปรแกรมวันนี้แน่นมากเพราะเวลามีทั้งวัน ตามนี้เลยครับ

  • เช้ามืดเริ่มเดินขึ้นเขาไปดูวิว Padar Island

  • เล่นน้ำที่ Pink Beach

  • เดินดูมังกรโคโมโดที่เกาะ Komodo

  • ดำน้ำหากระเบนราหู (manta ray) และแวะพักที่ Taka Massakar ที่เป็นสันทรายที่โผล่พ้นน้ำ

คืนก่อนระหว่างกินข้าวเย็นเรือเค้าก็ขับมาจอดรอที่อ่าวทางทิศตะวันออกของเกาะ Padar ก่อนแล้วเพราะว่าพรุ่งนี้เช้าเนี่ยต้องตื่นตีสี่ครึ่งเพื่อไปเดินขึ้นเขารอดูพระอาทิตย์ขึ้น ปัญหาคือคืนก่อนนี้นอนไม่หลับเลยไปเดินเตร็ดเตร่บนเรือ มีเสียงฟ้าร้องเป็นระยะๆแล้วสุดท้ายฝนก็ตกลงมาหนักมาก เวลาที่ข้างนอกมันมืดๆแล้วเราอยู่กลางทะเลมันทำให้พายุฝนฟ้าร้องน่ากลัวกว่าเดิมเยอะมาก รู้สึกหวั่นๆใจตลอดเวลาถึงจะรู้ว่าเราปลอดภัยดีก็เถอะ พอนั่งดูฟ้าผ่าไปจนง่วงก็ลองไปนอนดูละกัน สรุปได้นอนไปจริงๆแค่ 2 ชั่วโมง


ตีสี่ครึ่งไกด์ก็มาเคาะเรียกให้เตรียมลงเรือเล็ก พอขึ้นจากหาดแล้วก่อนทางเดินขึ้นจะต้องฟังคำอธิบายและกฎของสถานที่จากเจ้าหน้าที่ก่อน กฎไม่มีอะไรมากครับเค้าจะให้เดินได้ตามทางได้อย่างเดียวห้ามออกนอกเส้นทาง ห้ามสูบบุหรี่แล้วก็ห้ามใช้โดรน แต่ก็ยังไม่นักท่องเที่ยวไม่เชื่อฟังเอาโดรนมาบินอยู่

ระหว่างทางก็เริ่มเห็นแล้วว่าคนบานขนาดไหน เป็นเพราะมาวันเสาร์อาทิตย์ด้วยแน่ๆ ตลอดทางมีจุดชมวิวและจุดพัก 4 จุดให้ได้พักหอบกัน ตามพุ่มไม้ก็อาจจะเห็นกวางเดินหากินด้วยนะ

เห็นภาพความคนเยอะขนาดนี้บอกเลยว่ากว่าจะได้ภาพที่ชอบมามันสาหัส ถ้าลงภาพที่ผ่านการแก้ไขแล้วเฉยๆเดี๋ยวจะหาว่าหลอกลวง บอกขั้นตอนไปเลยแล้วกัน

padar island labuan bajo komodo indonesia
  1. ใช้ขาตั้งกล้องเพื่อที่จะถ่ายภาพมุมเดียวกันหลายๆใบเพื่อเอามาประกอบกันใน Photoshop

  2. ยืนรอจนพระอาทิตย์ขึ้นไปแล้วเพราะคนส่วนใหญ่มาดูพระอาทิตย์ขึ้นและเริ่มกลับกันไปเยอะ พระอาทิตย์ขึ้นจริงมันไปทางขวาของภาพเพราะงั้นไม่ค่อยมีผลกับเราเท่าไหร่ ยิ่งสายเท่าไหร่คนก็ยิ่งน้อย

  3. คอยดูจังหวะที่ไม่มีคนตามจุดต่างๆของภาพและเก็บภาพไว้ตลอด เช่นบันไดตรงมุมขวาล่าง ตรงหัวโค้งช่วงกลางๆภาพ เพื่อสุดท้ายเอาภาพทั้งหมดมารวมกันหลายๆเลเยอร์เพื่อให้ได้ภาพเหมือนมีคนอยู่น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

  4. ตรงหัวโค้งคนเยอะตลอดเลยต้องใช้​ Clone Stamp Tool ในการลบคนออกพอสมควรตรงนี้ต้องพยายามมากสุด

ถ้าใครที่อ่านก็เหนื่อยแล้วไม่ต้องทำก็ได้นะครับ พอรอไปถึงเกือบเจ็ดโมงครึ่งก็จะได้ภาพแบบนี้แล้วล่ะ 2 ภาพนี้แค่ปรับสีคอนทราสเบื้องต้นเท่านั้นไม่ได้ลบอะไรเลย ที่ผมรอต่อไม่ได้เพราะมันจะตกเรือเอา

ขาลงรีบเดินอย่างเร็วเพราะกลัวเรือจะทิ้งเราแถมเสียงฟ้าร้องฮึ่มๆตลอด พอขึ้นเรือเล็กกลับถึงเรือใหญ่เท่านั้นเองฝนก็เริ่มตกทันที พอฝนตกแล้วท้องฟ้ามันก็ดูอึมครึม ด้วยความที่ภูเขาเค้าหน้าตาแบบนี้ดูแล้วเหมือนฉากในหนังแฟนตาซีที่เค้าถ่ายกันที่ยุโรปเลยนะเนี่ย

เรือเค้าก็ขับอ้อมเกาะ Padar ไปนี่แหละเพื่อจะไปที่หาดสีชมพูหรือ Pink Beach ตอนแรกก็คิดว่ารูปในเน็ตนี่ต้องเร่งสีมาให้ชมพูแน่ๆแต่จริงๆแล้วสีชมพูจริงๆด้วยเพราะว่าปะการังสีแดงที่ตายแล้วแตกเป็นเศษๆมาผสมกับทรายสีขาวทำให้ดูแล้วสีชมพูส้มๆดูแล้วคิดถึงพริกกับเกลือจิ้มฝรั่งแช่บ๊วย

ร้านค้าที่หาดเค้าเอาปะการังก้อนใหญ่ๆมาประดับโต๊ะให้ดูด้วยว่าสีชมพูมีที่มาจากไหน ฝนตกอยู่แป๊บนึงแล้วแดดก็ออก แดดที่นี่มันแรงเว่อจนต้องวิ่งลงน้ำไปให้มันหายร้อน น้ำในทะเลเย็นเจี๊ยบ

กวางที่อยู่บนเกาะนี้ดูท่าจะชอบกินมะพร้าว พอร้านค้าเฉาะไว้เอาน้ำไปขายพี่เค้ามาก็มายืนรอกินเนื้อมะพร้าวอย่างใจจดใจจ่อ


เล่นน้ำจนตัวไหม้แล้วไกด์ก็จะพากลับเรือกินข้าวพร้อมมุ่งหน้าสู่ Loh Liang - Komodo National Park เป็นทางเดินดูมังกรโคโมโดตามทางที่เค้าทำไว้ในป่า ไกด์ก็บอกก่อนเลยว่าอาจจะเห็นหรือไม่เห็นก็ได้เพราะเค้าอยู่กันเองตามธรรมชาติ พอคนมาเยอะๆเค้าจะเดินหนี แดดแรงมากควรมีเสื้อกันแดดติดตัวไว้ด้วยครับ

komodo island labuan bajo indonesia

พอบอกหายากไม่ทันขาดคำก็มีเดินมาตัวนึงหน้าทางเข้าเลย มังกรโคโมโดเป็นสัตว์สายพันธุ์กิ้งก่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตาคล้ายๆตัวเงินตัวทองแต่ขนาดมันใกล้ๆจระเข้แล้วนะ ถ้าโดนกัดไปแล้วมีโอกาสตายสูงมากทั้งพิษที่ทำให้เลือดไม่หยุดไหลแล้วก็แบคทีเรียในปากที่ทำให้แผลติดเชื้อตายแหงแก๋ ส่วนใหญ่อาหารที่กินก็เป็นเนื้อกวางบนเกาะเพราะประชากรกวางมีเยอะมาก แล้วไม่ต้องวิ่งไล่กัดกวางจนตายเพราะงั่มคำเดียวกวางก็ทนพิษไม่ไหวตายไปเอง เจ้าหน้าที่เค้าเลยต้องคอยกันนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าไปใกล้เกินไป

komodo dragon komodo island indonesia

เจ้าหน้าที่อุทยานที่นี่เค้าก็เหมือนว่าเน้นพาคนไปหาตัวโคโมโดนี่แล้วก็จัดฉากถ่ายภาพให้เลยเหมือนเป็นจุดประสงค์หลักของคนมาเที่ยวส่วนใหญ่ เดินเข้าป่าไปนิดนึงเริ่มเห็นคนมุงกันหลายสิบปรากฏว่ามีโคโมโดนอนหลับอยู่คนเลยไปมุงถ่ายภาพกับโคโมโดกัน นอนหลับอยู่ตัวใหญ่เหมือนจระเข้แล้วล่ะ

komodo dragon island labuan bajo indonesia

เจ้าหน้าที่มีอิดออดเล็กน้อยว่าเห็นนอนหลับแล้วตัวนึงอยากจะดูกันต่อมั้ยเพราะอาจจะไม่มีแล้วก็ได้นะจ๊ะ แต่สุดท้ายคณะบอกว่าจะไปเสี่ยงดวงดูเลยพาเดินไปหาอีกที่ที่แบบบังเอิญไปมั้ยมีคนมุงดูอีกแล้วแต่ตรงนี้มีตั้ง 3 ตัว


ถึงจุดนี้เริ่มจับทางได้ เจ้าหน้าที่เค้าล่อไว้ด้วยการโยนหินให้โคโมโดเดินตามมาแล้วมาจอดรออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวมาดู ไม่งั้นน่าจะต้องเดินหาเป็นวัน ระหว่างถ่ายภาพก็ต้องระวังอย่าไปอยู่ในเส้นทางเค้าเดินนะครับ อย่าลืมกัดแล้วอาจถึงตาย


เห็นหลายตัวแล้วถือว่าสำเร็จก็พากันกลับเรือได้ พอออกมาจากเกาะเท่านั้นก็เห็นฝนเทลงมาเป็นสายแบบนี้เลย มากับดวงจริงๆ


หลังจากนี้ไกด์พาเราไปดำน้ำอีกครั้งที่ Manta Point เพื่อตามหากระเบนราหู เหมือนกันคือเค้าบอกว่ามันอาจจะไม่เห็นก็ได้เพราะเค้าอยู่กันในทะเลบางทีก็โผล่ แล้วยิ่งคนเยอะๆอาจจะหนีไปที่อื่น น้ำตรงนี้แรงมากครับลงไปปั๊บโดนพัดออกไปไกลเลย ไกด์ก็เป็นคนคอยมองหาว่าปลาอยู่ไหนแล้วก็ปล่อยลง ปล่อยไปแล้วปลาไม่อยู่ก็กลับขึ้นเรือเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ

เปลี่ยนไปมาจนไม่เห็นเลยตัดใจพาไปปล่อยที่ปะการังตื้นๆให้ดูปลาอื่นแทน ปกติไม่ชอบน้ำลึกๆแต่ตรงนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นปลาและปะการังเยอะขนาดนี้เลย แบบปลาน้อยๆว่ายหนีเข้าไปในปะการังตอนเรามาใกล้ๆ ตระการตามากๆ


พอว่ายดูซักพักก็มีคนตะโกนว่าแมนต้าๆเลยมุดไปดูก็ได้เห็นแล้ว manta ray ถึงจะเห็นแค่ข้างหลังก็เถอะเพราะไม่ได้คาดหวังจะเห็นแต่แรกทำให้รู้สึกประทับใจจัง แต่พอว่ายไปซักพักปะการังเริ่มตื้นมีคนโดนข่วนเต็มเลย 555

taka massakar indonesia labuan bajo

วันนี้กิจกรรมเยอะเพลียมากๆ แต่ไกด์เค้าก็บอกว่าคืนนี้คืนสุดท้ายแล้วเชิญปาร์ตี้กันได้เลย ของเราหลับไปตั้งแต่ 2 ทุ่มแล้ว ทั้งนอนน้อยและเที่ยวเหนื่อย

 

ทัวร์วันที่ 3

เช้าวันสุดท้ายหลังจากที่นอนหลับเต็มอิ่มในที่สุด


วันนี้ที่เที่ยวก็เบาๆแค่ครึ่งวันเช้า ที่ Kanawa Island เป็นเกาะเล็กๆที่มีที่ snorkel ดูปลาได้ ใครไม่เล่นน้ำก็มีที่นอนในร่มไม้โดยจะอยู่ที่นี่ทั้งเช้าเลย น้ำที่นี่สวยมากเลยแถมปลาเยอะ คนบนเกาะก็แบบเอาขนมปังโยนให้ปลามาว่ายใกล้ๆโชว์นักท่องเที่ยว


และก็เป็นที่สุดท้ายก่อนที่เรือจะกลับเข้าฝั่ง จะนั่งเล่นบนหาดหรือที่ท่าเรือไม้ก็ได้มีเวลาหลายชั่วโมงก่อนเรือเริ่มกลับเข้าฝั่งและจะถึงฝั่งประมาณเที่ยงตรงเวลาพอสำหรับไฟลท์กลับบ้านตอนบ่าย 3


ถือว่าเป็นที่เที่ยวโด่งดังและความสวยระดับโลกที่ใกล้บ้านเรามากๆแบบทำใจไปแค่หยุดยาวเสาร์อาทิตย์ก็พอไหว พอได้เห็นที่นี่แล้วก็สปาร์คแรงบันดาลใจที่จะไปเที่ยวที่อื่นในอินโดนีเซียไปด้วยอีก สงสัยจะได้กลับมาอีกในเวลาไม่นาน ฝากความหวังไว้กับอินโดด้วยนะ


ขอบคุณเพื่อนที่คอยตามอ่านแหละหวังว่าคนที่อ่านมาจนจบจะได้รับความสนุกสนานกันนะครับ ฝากติดตามเพจผมที่ https://www.facebook.com/nopeopletravelphoto เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับโพสต่อไปด้วยนะครับ ขอบคุณครับ!



ดู 100 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page