เดือนที่เดินทาง - ตุลาคม 2019
ลั่วหยางนั้นเป็นเมืองเก่าแก่อีกเมืองหนึ่งของประเทศจีนที่มีความเป็นมายาวนานกว่าพันปีและอยู่ห่างออกไปจากซีอานแค่ชั่วโมงครึ่งด้วยการนั่งรถไฟความเร็วสูงของจีน ราคาแสนถูกเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างชินกันเซ็น วันนี้เราก็ออกมาจากซีอานในเวลาเช้ามากเช่นเดิมและจะใช้เวลาทั้งวันที่ลั่วหยาง กิจกรรมวันนี้มีไม่มากแต่เนื่องจากเรามาอยู่ที่ประเทศจีนประมาณสิบวันจึงไม่อยากเร่งรีบมากให้เหนื่อยจนเสียอารมณ์เที่ยว
รถไฟออกจากสถานีซีอานเหนือที่เดิมและไปลงที่สถานีลั่วหยาง ออกมาจากสถานีก็ไม่ต้องสงสัยมีแท็กซี่จอดกันแน่นและแล้วเราก็ถูกหิ้วไปด้วยพี่ที่มีรถคันใหญ่ที่สุด ระหว่างทางก็มีการขายของแนะนำให้ไปเที่ยวที่นู่นที่นี่มากมายพร้อมเสนอตัวเป็นคนขับให้ทั้งวัน ตื้ออย่างแรงจนต้องปฏิเสธกันจนถึงจุดหมายปลายทางที่ถ้ำผาหลงเหมิน หรือ Longmen Grottoes
ถ้ำผาหลงเหมิน (Longmen Grottoes)
สิ่งแรกที่เห็นก่อนเลยก็คือสวนริมแม่น้ำอี (Yi He) ที่มีต้นหลิวปลูกเป็นแถวยาวตลอดทาง ใบที่ห้อยลงมาปลิวไปตามลมทำให้ดูสดชื่นแล้วยังเป็นตอนเช้าที่แสงแดดไม่แรงจนเกินไป สะพานที่ดูโดดเด่นก็คือสะพานหลงเหมิน
หลังจากนั้นแป๊บเดียวเดินไปเจอเข้ากับชาวจีนกลุ่มใหญ่หลังจากเดินผ่านสะพานหลงเหมินไปซึ่งเป็นโซนถ้ำที่คนสมัยก่อนเจาะและแกะสลักหินหน้าผาเป็นความยาว 1 ก.ม. ตามป้ายคือมีการแกะสลักพระพุทธรูปของพระศากยมุณีหลักแสนองค์ในถ้ำเกือบ 2,500 ถ้ำไม่ว่าจะเป็นถ้ำเล็กถ้ำน้อย ถ้ำพอให้แมวนั่งได้เค้าก็นับว่าเป็นถ้ำ ถ้าออกมาดูไกลๆก็จะเห็นว่าภูเขานี่พรุนไปทั้งลูกเลยทีเดียว โดยในถ้ำนั้นถ้ามองเข้าไปก็จะเห็นว่ามีพระแกะสลักจากหินหน้าผาเยอะแยะ มีถ้ำในถ้ำในถ้ำเหมือนเมื่อก่อนแข่งกันใครเจาะได้หลายรูกว่ากันก็มิปาน
สิ่งที่ผมก็ยังสงสัยคือเวลาที่เค้านับว่ามีพระพุทธรูปเป็นแสนองค์นี่เค้านับองค์เล็กๆที่แกะแบบนูนต่ำบนกำแพงด้วยมั้ย ถ้ารวมนี่แอบโกง แต่อย่างไรก็ตาม จำนวนที่เห็นนั้นไม่น้อยแน่นอนและคนเค้าเริ่มแกะสลักภูเขากันตั้งแต่สมัยค.ศ. 493 หรือพ.ศ. 1,036 ซึ่งบ้านเรายังไม่มีกรุงสุโขทัยเลย เจาะกันได้ขนาดนี้ผมว่าก็ยอดมนุษย์อยู่ไม่น้อย
แม้ว่าจะมีถ้ำอยู่มากมายแต่ก็จะมีถ้ำใหญ่ที่สุดไว้เป็นไฮไลท์ชื่อว่าวัดเฟิ่งเซียน (Fengxian Si) โดยมีพระไวโรจนะความสูงประมาณ 17 เมตรเป็นศูนย์กลางและมีพระโพธิสัตว์ต่างๆเป็นบริวารอยู่ด้านข้าง เด็ดดวงแค่ไหนต้องวัดที่ท่าถ่ายรูปพี่เค้า
พอเดินไปสุดทางฝั่งทิศตะวันตกของแม่น้ำอีแล้วก็จะมีสะพานให้เดินข้ามไปชมภูเขาลูกนี้จากอีกฝั่งแม่น้ำได้ให้เห็นไปเลยว่ารูมันเยอะแค่ไหน
ในพื้นที่ของอุทยานถ้ำผาหลงเหมินไม่ได้มีแค่รูพรุนบนภูเขาแต่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำก็มีวัดที่อยู่บนยอดเข้าให้เดินขึ้นไปได้เช่นกันโดยค่าเข้ารวมอยู่ในค่าเข้าอุทยานทั้งหมดแล้ว เดินขึ้นไปให้เหนื่อยหอบกันพอสมควร สิ่งที่เห็นก็เป็นอาคารวัดและจุดชมวิวที่มองลงมาเห็นแม่น้ำอีกับสะพานหลงเหมินได้ชัดเจน ถ้ามีเวลาอยู่จนพระอาทิตย์ตกน่าจะสวยกว่านี้อีกแยะ
เมืองเก่าลั่วหยาง (Luoyang Laocheng)
ก่อนไปจุดถัดไปต้องบอกเลยว่าไปหารถเข้าเมืองจากตรงถ้ำยากมากกกก ผมจำได้ว่าเราเดินกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่เห็นรถสาธารณะเลยแม้แต่คันเดียว พอเจอแท๊กซี่มาจอดคุยด้วยปรากฎว่ามีพระนั่งอยู่ในรถด้วย แล้วลุงแท๊กซี่ก็บอกว่าจะไปกับพระได้มั้ยเพราะลุงเค้าต้องไปส่งพระก่อน ผมก็คิดว่าฮาดีมีแชร์แท๊กซี่กับพระก็เลยตอบตกลง จริงๆกลัวจะไม่มีรถผ่านมาอีกแล้วตะหาก
เมืองเก่าของลั่วหยาง (Luoyang Laocheng) เป็นเหมือนถนนคนเดินมีขายอาหารของที่ระลึกของฝากมากมาย แต่ที่น่าสนุกกว่านั้นก็คือหน้าตาของถนนในกำแพงเมืองดูแล้วเหมือนอยู่ในหนังย้อนยุคเพราะเค้ามีการอนุรักษ์บ้านเมืองเก่าๆไว้อย่างดี ด้านนอกกำแพงเป็นสวนสาธารณะที่ปลูกต้นหลิวเป็นแนวยาวสวยมากๆ
ประตูเมืองลี่จิ่ง (Lijingmen) ก็เป็นอะไรที่เห็นแล้วต้องร้องเพราะว่าตั้งสูงเด่นอยู่ตรงนี้มาแล้วกว่า 1,400 ปี เป็นประตูเมืองที่สร้างไว้รับมือข้าศึกที่ล้ำมากๆโดยการสร้างกำแพงสองชั้นเมื่อข้าศึกบุกทะลุประตูแรกเข้ามาก็ขังไว้ตรงระหว่างประตูชั้นนอกกับชั้นในแล้วก็ยิงธนูใส่ง่ายๆจากด้านบนกำแพง แต่เอาจริงๆใครจะซื่อบื้อโดนหลอกแบบเดิมทุกรอบ กำแพงสร้างมาน่าจะใช้ไม่คุ้ม
กำแพงแมืองส่วนนี้มีการขายตั๋วให้ขึ้นไปเดินด้านบนได้ซึ่งสามารถมองลงมายังเมืองด้านล่างได้ชัดเจนบวกกับกำแพงจะติดไฟวิบวับในตอนหัวค่ำไว้ล่อคนมาถ่ายรูป
ด้านในกำแพงเมืองที่เป็นร้านค้าเยอะแยะมากมาย ร้านอาหารเยอะแยะแต่ขายของคล้ายๆกัน 555 ตึกรามบ้านช่องดูน่ารักคนในเมืองน่ารักมากคุยด้วยก็ยิ้มแย้ม ร้านค้าถ้าคนขายวัยรุ่นหน่อยก็พูดอังกฤษได้เล็กน้อย มาถึงจุดนี้เราก็เริ่มจำบทสนทนาภาษาจีนได้นิดหน่อยไว้ใช้ร่วมกับภาษามือได้ระดับนึง ถึงตรงนี้ก็จะหมดวันแล้วหาข้าวเย็นกินตรงนี้ก่อนนั่งรถไฟกับศูนย์บัญชาการที่ซีอาน
Comments