
เดือนที่เดินทาง - ตุลาคม 2019
พอพูดถึงเส้นทางสายไหมแล้วหลายคนก็คงคุ้นเคยกับคำนี้เวลาดูหนังจีนย้อนยุคสมัยยังเด็กๆที่นักรบต้องออกไปขับไล่โจรปล้นฆ่าพ่อค้าจากต่างแดน แต่จะมีใครรู้ว่าเมืองซีอาน หรือที่เรียกในสมัยก่อนว่าฉางอาน (Chang'an) เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางค้าขายโบราณนี้
การมาซีอานของเรานั้นเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการไปเที่ยวประเทศจีนทริปนี้โดยมีซีอานเป็นศูนย์กลางและเดินทางไปเมืองใกล้ๆด้วยรถไฟความเร็วสูง อย่างไรก็ตามมาถึงที่แล้วถ้าไม่เที่ยวในซีอานเลยแล้วจะบอกว่าเคยมาได้ยังไง
เวลาที่เรามีให้กับซีอานคือ 3 วันแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปโดยเริ่มจากวันแรกที่ลงเครื่องโบกรถแท๊กซี่ไปที่พักที่เช่าจาก AirBNB ที่อยู่ทางใต้กำแพงเมืองไปสองป้ายรถเมล์ซึ่งถือว่าเป็นโลเคชั่นที่ไม่เลวเลย ถึงห้องพักแล้วก็ต้องพักก่อนเพราะว่านั่งเครื่องไฟลท์ตาแดงมานอนบนเครื่องได้นิดเดียว อันนี้แนะนำให้ถ้าไม่อยากเหนื่อยเกินไปในวันหลังๆนะครับ
ภาพบรรยากาศบ้านเมืองด้านนอกกำแพงเมือง
หอระฆังและหอกลอง (Xi'an Bell Tower/Drum Tower)
พอแดดเริ่มไม่ค่อยแรงดูแล้วพอถ่ายรูปแล้วไม่น่าเกลียดเราก็เริ่มออกเดินไปจากที่พักเพื่อไปที่ประตูเมืองทางทิศใต้ซึ่งอยู่ใกล้กับหอระฆังที่สุดโดยข้ามกำแพงไปก่อนเพราะจะมาดูวันหลัง หอระฆังนี้ถูกสร้างในราชวงศ์หมิงเมื่อเกือบ 700 ปีมาแล้วสำหรับบอกเวลา เป็นนาฬิกาที่แพงมากอันหนึ่ง ตอนนี้ก็เป็นสถานที่โด่งดังทางวัฒนธรรมซึ่งปัจจุบันเป็นวงเวียนถนนที่คนมารอถ่ายรูปกันเพียบ ตอนกลางวันสามารถจ่ายเงินขึ้นไปดูได้แต่เรามาถึงก็เย็นแล้วเลยไม่ได้ไปดูจ้า
ที่เห็นในภาพหอระฆังมีอีกตึกด้านหลังดูน่าสนใจ ตึกนั้นก็คือหอกลอง (หอ-กลอง) นั่นเองซึ่งโด่งดังไม่แพ้กัน นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วเข้าไปดูได้เช่นกันแต่ว่าเรามาถึงก็ปิดเสียแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงเพราะว่าเป้าหมายต่อไปเป็นตลาดนัดถนนคนเดินที่สำคัญสำหรับปากท้องกว่าเยอะ
ถนนคนเดินที่เป็นที่อยู่ของชาวจีนมุสลิม หรือ Muslim Quarter เป็นถนนที่คนเดินเยอะมากแบบถ้าพาลูกมาด้วยให้ผูกเชือกไว้กันหาย ด้านในมีร้านค้าเยอะเป็นร้อยทั้งขายอาหารแบบเดียวกันห้าสิบร้านกับขายของที่ระลึกจากโรงงานเดียวกันอีกสามสิบร้าน 555 อารมณ์คล้ายๆถนนคนเดินบ้านเราแต่ใหญ่กว่าเยอะ ส่วนรสชาติอาหารพอกินได้ แต่มาแล้วก็กินไปให้มันได้บรรยากาศ
ก่อนกลับที่พักถ้ายังหิวอยู่ไม่ต้องห่วงเพราะมี Family Mart อยู่ทั่วเมือง ไม่รู้เค้ารีแบรนด์เปลี่ยนโลโก้ตอนไหน

พระราชวังต้าหมิง (Daminggong)
พระราชวังต้าหมิงเป็นอาณาเขตวังฮ่องเต้ในสมัยราชวงศ์ถังที่อยู่ศูนย์กลางของเมืองพันกว่าปีมาแล้วและมีพื้นที่กว้างใหญ่ซึ่งปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะกึ่งอุทยานประวัติศาสตร์ที่มีร่องรอยของสิ่งก่อสร้างเดิมหลงเหลืออยู่ไม่มากแต่ก็มีการสร้างอาคารจำลองขึ้นมาบางส่วนเพื่อให้เห็นภาพกัน
สวนกว้างใหญ่ร่มรื่นจัดการเป็นอย่างดีที่สำคัญคือห้องน้ำสาธารณะสะอาดมาก! แปลกใจกันไปตามๆกัน ด้านในสวนและริมๆสวนเป็นเหมือนพื้นที่กิจกรรมให้คนแก่มารวมตัวกันฝึกกังฟูร้องเพลงเล่นดนตรี เพลงที่ร้องก็คล้ายๆเพลงกุหลาบแดง 999 ดอกที่เคยฟังในวิทยุตอนเด็กๆ แต่เค้าร้องภาษาไทยกันไม่ได้
ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงพอดีเลยเห็นต้นแปะก๊วยใบเปลี่ยนสีเหลืองเกือบทุกต้นเลยพากันตื่นเต้นกับภาพที่เห็นที่ทั้งแนวต้นไม้เป็นสีเหลืองหมด ถ้าอยู่ประเทศไทยแล้วเห็นแบบนี้ให้สันนิษฐานว่าต้นไม้จะตาย
เดินเข้ามาเรื่อยๆก็พบว่าด้านในสวนมีโซนเดินฟรีกับโซนที่ต้องจ่ายเงินแต่ด้วยความที่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนเลยจ่ายเงินเข้าไปเดินดู ปรากฎว่าเป็นช่วงที่ดอกหญ้าที่เค้าปลูกไว้เป็นทุ่งๆกำลังเปลี่ยนสีเป็นสีชมพูแบบนี้พอดี สวยมากๆเลยครับ
สิ่งที่น่าสนใจไปกว่าดอกหญ้านี้ก็คือแต่ละจุดในสวนจะมีเจ้าหน้าที่ยืนคุมอยู่ว่าใครนะใครเหยียบลุยเข้าไปในพงหญ้าเพื่อแค่จะถ่ายเซลฟี่ให้ต้นไม้เค้าเสียหายแล้วก็เดินมาด่าทอเหมือนคนเหล่านั้นขับรถชนหมาเค้า เห็นแล้วแบบนี้เราก็หวังว่าคนทุกคนจะมีจิตสำนึกไม่เหยียบย่ำอะไรก็แล้วแต่เพราะถึงแม้มันจะเป็นแค่ต้นหญ้าสำหรับเราแต่สำหรับคนสวนแล้ว เค้าคงต้องเสียเหงื่อไปไม่น้อยกว่าจะปลูกได้เต็มทุ่งขนาดนี้
อีกอย่างที่ดูแล้วน่าสนใจในสวนก็คือเมืองจำลองที่เค้าทำขึ้นมาจำลองภาพพระราชวังในอดีตโดยย่อสเกลลงให้เล็กกว่าเดิม ก็แน่อยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ย่อมันก็ต้องใช้พื้นที่เท่าเก่า ที่ฮาไม่ใช่ที่จำลองอาคารให้เล็กลงแต่คือต้นไม้ในแบบจำลองเป็นต้นไม้จริงแต่ย่อส่วนเหมือนต้นบอนไซแบบง่ายๆ
เจดีย์ห่านป่าใหญ่ (Da Yan Ta)
หลังจากใช้เวลาซักพักที่ต้าหมิงเราก็ต้องไปนั่งพักกินข้าวกลางวันก่อนจะไปต่อในที่ต่อไปก็คือเจดีย์ห่านป่าใหญ่นั่นเอง ที่นี่เป็นแลนด์มาร์คหลักของซีอานเลยทีเดียวเพราะเป็นโบราณสถานที่อยู่มาแล้วมากกว่าพันปี และสำหรับคนไทยยุค 90 อย่างผมก็คือที่นี่เป็นวัดที่สร้างมาเพื่อเก็บพระคัมภีร์ที่พระถังซัมจั๋ง (Xuanzang) ไปอัญเชิญมาจากชมพูทวีปกับคณะซุนหงอคงนั่นเอง (แต่ซุนหงอคงไม่ใช่เรื่องจริงเด้อ)
ด้านในวัดร่มรื่นและมีที่นั่งให้นั่งแก้เมื่อยมากมายในขณะที่ชื่นชมความอลังการของเจดีย์ไปด้วย ดูไกลๆมันดูไม่รู้ว่าสูงแค่ไหนแต่พอได้มายืนที่ฐานแล้วมองขึ้นไปก็เห็นเลยว่ามหัศจรรย์ นอกจากนั้นถ้าใครอยากดูเจดีย์จากมุมสูง เดินออกมาหน้าวัดแล้วมองไปทางขวาจะมีห้างอยู่ซึ่งมีดาดฟ้าให้ออกไปดูวิวได้ กลางห้างมีรูปปั้นซุนหงอคงอยู่ถ้าใครแฟนพันธุ์แท้แวะไปถ่ายรูปได้
ก่อนออกมาจากวัดก็เห็นมีต้องแปะก๊วยมากมายอีกแล้ว เยอะจนแฟนผมได้รูปนี้มาด้วย..... รอป้าเดินไปที่อื่นแล้วก็รีบถ่ายมาหนึ่งรูป 555
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ (Emperor Qinshihuang's Mausoleum)
และแล้วก็มาถึงสถานที่สำคัญของซีอานที่เที่ยวเพลินจนเกือบลืม เป็นที่ที่อยากมาเห็นเพราะรู้จักมานานแล้วตั้งแต่สมัยดูละครเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซีสมัยก่อน สุสานนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองซีอานแต่เป็นเมืองหลินถง (Lintong) ที่อยู่ห่างจากซีอานไปประมาณชั่วโมงครึ่ง หลายๆคนเดินทางไปด้วยรถบัสแต่ว่าเราเดินทางไปที่สถานรถไฟซีอาน (คนละอันกับรถไฟความเร็วสูง) ที่เคยเป็นที่ขึ้นรถบัสแต่ไปถึงก็ช็อคเพราะเค้าย้ายจุดขึ้นรถไปที่อื่นซึ่งบอกเลยขี้เกียจไปตามหา เลยตัดสินใจโบกแท๊กซี่ไปซะซึ่งเอาจริงๆก็ไม่ได้แพงถ้าเทียบกับระยะทาง ถ้าใครอยากประหยัดเวลาก็นั่งได้เลย
พอมาถึงแล้วแทนที่จะรีบไปซื้อตั๋วเข้าไปดูกองทัพนักรบดันหันไปเห็นลานกว้างๆที่มีต้นแปะก๊วยเจ้าเก่าใบเหลืองๆเต็มไปหมดเลยแวะตรงนั้นอีกหน่อย
พอเต็มอิ่มแล้วก็ได้ฤกษ์ยามเดินไปซื้อตั๋วแล้วเข้าด้านใน คือทางเดินเข้าลึกมากจากทางเข้าเค้าเลยมีบริการรถกอล์ฟแบบในรูปไปส่ง คิวทางเข้าความยาวไม่แพ้ Universal Studio ทีเดียว ส่วนด้านในก็จะแบ่งออกเป็น 3 หลุมแล้วรวมๆรูปปั้นจำนวนเกือบหมื่นตัวทั้งที่เป็นคนและม้า
หลุมแรกเป็นหลุมที่ว่าอลังการที่สุดเพราะว่ามีรูปปั้นอยู่ในนั้นมากกว่า 6,000 ตัวด้วยกันและเรียงแถวเป็นตับเหมือนที่เราเห็นกันบ่อยๆในรูป จะเห็นว่าแต่ละตัวหน้าตาไม่เหมือนกันเลยอาจจะเป็นเพราะว่าคนปั้นมือไม่นิ่งก็เป็นได้
หลุมที่ 1 นี้ใหญ่มากซึ่งพอเดินมาด้านหลังก็จะมีกองๆเศษรูปปั้นอยู่เยอะแยะรอการซ่อมแซมประกอบเป็นตัวอีกครั้งและก็มีให้เห็นด้วยว่ารูปปั้นในขณะที่ถูกซ่อมแซมอยู่เป็นแบบไหน พัดลมที่ตั้งอยู่คิดว่าไม่ใช่เพราะคนงานเค้าร้อนแต่เอามาเป่าให้ดินเหนียวแห้งคงตัวเร็วขึ้น
ส่วนหลุมอื่นๆก็จะมีรูปปั้นอยู่บ้างและมีการจัดแสดงตัวที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ในตู้กระจกควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม จนตอนนี้ถึงได้รู้ว่าสมัยก่อนหุ่นพวกนี้ถูกทาสีด้วยไม่ใช่แค่เป็นสีดินเผาธรรมดา และผมอยากให้ดูรายละเอียดบนตัวหุ่นที่เห็นแล้วก็เหลือเชื่อในรายละเอียดในขณะที่ต้องปั้นกันเป็นหมื่นตัวแบบนี้
บอกตรงๆว่าตอนที่นั่งดูรูปพวกนี้ที่บ้านมืดๆค่ำๆมันทำให้ขนลุกไม่น้อย ดูไปก็ผวาไปเหมือนมีคนมากมายคอยจ้องอยู่ พูดจริงๆว่าได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแล้วมันทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรมของยุคโบราณของจีนที่ล้ำหน้าวัฒนธรรมอื่นๆในโลกไปมากในช่วงเวลาเดียวกัน
พอดูครบแล้วซื้อของที่ระลีกแล้วทางออกจะเป็นคนละทางกับที่เข้ามาและไม่มีรถไปส่งแต่ต้องเดินไปเอง สาเหตุก็เพราะว่าทางออกตลอดทางเป็นร้านค้าขายของขายอาหารนั่นเอง ถ้าเอารถไปส่งปากทางแล้วจะมีใครเดินซื้อของ

แต่มีอยู่หนึ่งร้านที่สะดุดตามากๆก็คือร้านขายเหล้าไหนี้ที่เห็นแล้วนึกถึงจอมยุทธ์ที่ไปกินเหล้าในโรงเตี๊ยมแล้วเอาไหฟาดกันเวลามีเรื่อง ที่ฮากว่าคือพอซื้อเหล้าป้าคนขายก็จะเทใส่จอกให้แต่พอกินหมดแล้วป้าบอกป้าไม่อยากล้าง ปาทิ้งไปในกองนี้ได้เลย แบบนี้กินเหล้าแล้วเลือดร้อนไม่ต้องไปต่อยกันให้เดือดร้อน ป้าโคตรล้ำเลยครับ
กำแพงเมืองซีอาน (Xi'an City Wall)
ที่สุดท้ายแล้วที่เราไปกันก่อนจะไปขึ้นเครื่องบินกลับไปสู่โลกความจริงและเป็นที่ที่ควรจะไปเห็นให้ได้เช่นกันเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นที่สุดของหลายๆเรื่อง เป็นกำแพงเมืองที่เก่าที่สุด ใหญ่ที่สุด และ สภาพคงเดิมที่สุดในประเทศจีน กำแพงนี้เช่นเคยคือมีขายตั๋วสำหรับขึ้นไปชมด้านบนได้ และเท่าที่ดูเหมือนกับว่ามีการแสดงแสงสีเสียงทุกวันแต่ตั๋วแอบแพงเลยขอผ่านแถมเวลามีน้อย
พอเข้าประตูหน้าไปก็จะเป็นกำแพงชั้นสองอยู่ข้างหน้าไว้ดักข้าศึกแต่ว่าซับซ้อนกว่าที่เห็นในลั่วหยางอยู่พอสมควรต้องวนซ้ายวนขวากว่าจะเข้าไปถึงชั้นในกำแพงได้ แล้วก็มาถูกเวลาเพราะว่ามีการแสดงการเปลี่ยนเวรยามที่เค้าว่าเหมือนในสมัยก่อน จริงแค่ไหนไม่รู้แต่ว่าชุดได้
ด้านบนกำแพงสามารถมองออกไปเห็นเมืองได้รอบด้านเลยเพราะว่าด้านในกำแพงตึกไม่สูงและดูแล้วไม่โมเดิร์นจนเสียรสชาติ ด้านในกำแพงเป็นพื้นที่ที่จัดการแสดงอยู่เลยดูแล้วเกะกะเล็กน้อยแต่ต้องทำใจเพราะมาช่วงนี้พอดี มองข้ามไปแล้วก็ชื่นชมอาคารเก่าแก่ที่ยังสมบูรณ์อยู่จนปัจจุบัน
ขาลงมาก็เริ่มเห็นมีเปิดไฟวิบวับบนกำแพงดูแล้วก็ไม่ค่อยเข้ากัน ถ่ายภาพเก็บไว้ดูว่าที่นี่เค้าจัดงานมหรสพยิ่งใหญ่แค่ไหน หันไปอีกด้านก็เป็นถนนหลักที่มีห้างตึกสูงเยอะแยะ และนี่เป็นภาพสุดท้ายของซีอานและการมาเที่ยวประเทศจีนครั้งนี้
ปีนี้ก็คิดไว้แล้วว่าจะกลับไปอีกแต่ดันมามีเรื่องมีราวทำให้ต้องพับเก็บขึ้นหิ้งไว้ก่อน แต่ยังไงอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญจะได้มีชีวิตต่อไปเพื่อการเดินทางในอนาคตนะครับ อดทนนิดเดียวฮึบๆ
ขอบคุณมากค่ะ.. กำลังหาข้อมูลเพื่อวางแผนเที่ยวซีอาน จางเย่และDunhuang ในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้พอดีเลยค่ะ