วันที่ถ่ายภาพ - 9, 10, 19 เมษายน 2020 / 15 พฤษภาคม 2020
หลายๆประเทศทั่วโลกตอนนี้อยู่ภายใต้ล็อกดาวน์และหลายคนคงสงสัยว่าที่อื่นๆในโลกเค้ามีความเป็นอยู่ยังไงกันบ้าง วันนี้ผมมีภาพจากสถานที่ต่างๆในสิงคโปร์ที่เคยเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ถนนที่เคยมีรถผ่านตลอดเวลา ทางเดินที่มีแต่ร้านค้าและคนเดินแน่น แต่ในตอนนี้กลับว่างเปล่าไปถนัดตา
หมายเหตุ - สถานการณ์ที่สิงคโปร์ตอนนี้รัฐบาลได้ประกาศล็อกดาวน์หรือที่นี่เรียกว่า Circuit Breaker คือปิดทำการธุรกิจต่างๆทั้งหมดยกเว้นแต่สิ่งจำเป็น เช่น สถาบันการเงิน โรงพยาบาลและคลินิก ร้านอาหาร (ไม่มีการทานในร้าน) ร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต สวนสาธารณะสำหรับผู้ที่ไปออกกำลังกาย และเพิ่งกลับมาเปิดอีกครั้งคือร้านตัดผมแต่บริการได้แค่ตัดผมอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีทำสีหรือดัดอะไรทั้งสิ้น คนที่จะออกไปนอกบ้านจะต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาและเว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1 เมตร (ยกเว้นคนออกกำลังกายเพราะใส่หน้ากากไปด้วยเป็นอันตรายต่อสุขภาพ)
ทราบแบบนี้แล้วทุกคนคงจะพอเดาได้ว่าอะไรๆจะออกมาหน้าตาแบบไหน ไปดูกันเลยจ้า
ถนนออชาร์ด (Orchard Road)
ใครที่เคยมาสิงคโปร์ ถนนออชาร์ดเป็นจุดที่ไม่น่าพลาดและยิ่งเป็นสายช้อปแล้วด้วยจะรู้เลยว่าถนนนี้ปกติทั้งคนเดินทั้งรถบนถนนเยอะกันไม่ขาดสายตั้งแต่เช้าจนดึก เทียบกับกรุงเทพฯก็คล้ายๆย่านสยาม
ไปที่ถนนออชาร์ดเพราะซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็เลยถือโอกาสเดินดูความเป็นไป เห็นแล้วก็ทำให้รู้สึกแปลกๆในใจไม่น้อยที่ไม่เห็นคนเดินกันพลุกพล่านเหมือนเคย
ป้ายรถเมล์บนถนนเส้นนี้ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่มีคนมารอขึ้นรถเลย แต่วันนี้ถึงรถจะยังวิ่งอยู่แต่ขึ้นรถเมล์แต่ละครั้งก็โล่งแทบจะไม่มีคน
ถนนแถวนี้ปกติที่มีรถให้เห็นตลอดหรือบางทีก็มีรถติด ตอนนี้ก็อย่างที่เห็น ลงไปวิ่งเล่นน่าจะพอได้ จะมีผ่านมาส่วนใหญ่คือรถประจำทาง รถส่วนตัวก็จะเห็นเป็นบางครั้งบางคราว
ภาพด้านหน้าห้าง Takashiyama ที่ปกติเป็นที่รวมตัวของคนทุกวัยทั้งคนสิงคโปร์และนักท่องเที่ยว ในรูปมีแค่พนักงานร้านอาหารที่ยังเปิดให้บริการซื้อกลับบ้านได้เท่านั้น
พอทางเดินโล่งๆกว้างๆแบบนี้ เลยมีพ่อแม่ถือโอกาสพาลูกมาฝึกเล่นสเก็ตบอร์ด โรลเลอร์เบลดกันแทนเพราะไม่ต้องกลัววิ่งไปชนชาวบ้านเค้า อันนี้ก็แล้วแต่บ้านไหนคิดยังไง ไม่กลัวก็ออกมาวิ่งเล่นกันเพราะรัฐบาลไม่ได้ห้ามออกกำลังกาย เพียงแต่ห้ามไม่ให้โอ้เอ้รีบกลับบ้านหลังจากเสร็จธุระแล้ว
ด้านหน้าห้าง ION Orchard ที่เป็นส่วนที่คนเยอะมากที่สุดแล้ว และตรงนี้เป็นที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่อง Westworld ซีซั่น 3 ด้วยเหมือนกัน ไม่ต้องบอกแล้วเนอะว่าร้าง 555
ลงบันไดเลื่อนมาก็จะพาเราไปที่ทางเข้าสถานี MRT Orchard ที่เวลาเดินที่ชนกันทุกครั้งเพราะเป็นจุดนัดพบของคนหนุ่มสาวที่นัดกันมาเที่ยว
ที่เห็นกันไปทั่วทั้งเมืองเลยในช่วงนี้ก็ไม่พ้นคนที่ทำงานส่งอาหารกับแอพต่างๆ ทั้งปั่นจักรยานและมอเตอร์ไซค์ ผมก็คิดว่าพี่ๆเค้าคงมีงานเยอะขึ้นเพราะทุกคนล้วนแต่กินที่ร้านไม่ได้ คงจะอยากสั่งอาหารร้านที่ชอบมากินที่บ้าน แต่เหมือนเห็นข่าวไปสัมภาษณ์แล้วเค้าว่ารายได้ไม่เห็นเพิ่มขึ้น คนตกงานมาทำกันมากขึ้นสุดท้ายก็มีงานเท่าเดิม
แม้แต่เจ้าใหญ่อย่าง Apple Store ก็ไม่พ้นต้องปิดว่างไป แต่ว่าไฟข้างในก็ยังเปิดไว้คงไม่อยากให้ร้านดูเศร้าเกินไป ร้านนี้ปกติก็จะมีคนชอบมาแอบถ่ายรูปกันที่บันไดวนในร้าน เผื่อใครมาเที่ยวหลังโควิดไม่อยู่แล้วมาลองเช็คอินดูได้ครับ
ส่วนด้านในห้างนั้นยังสามารถเข้าไปได้เพราะร้านอาหารที่ยังเปิดบริการอยู่โดยการเข้าออกห้างต้องเป็นทางเดียวเท่านั้นและมีการสแกนบัตรประจำตัวและอุณหภูมิร่างกายไว้สำหรับสืบหาตัวในกรณีที่เจอเคสที่นั้นๆ ตรงนี้คือด้านในห้าง Plaza Singapura ที่สถานี MRT Dhoby Ghaut
ย่านธุรกิจใจกลางเมือง (Central Business District)
หลังจากได้เห็นภาพถนนออชาร์ดทำให้ผมเกิดสนใจว่าแล้วที่อื่นล่ะ เป็นยังไงบ้าง โซนออฟฟิศที่เป็นแหล่งรวมตึกสูงที่เป็นออฟฟิศธนาคารระดับโลกและพื้นที่เช่าทำออฟฟิศในสิงคโปร์ แน่นอนว่าวันธรรมดาแถวนี้เป็นที่สิงสถิตของมนุษย์เงินเดือน แต่พอแทบทุกออฟฟิศถูกปิดชั่วคราว น่าจะเดาออกกันว่าภาพจะออกมาแบบไหน
แถวสถานี MRT Raffles Place เป็นศูนย์กลางย่านธุรกิจเลยดีเดียว ถนนเหล่านี้จะได้ยินเสียงแตรรถจากคนขับรถอารมณ์ร้อนกันไม่ขาด ตอนนี้เป็นถนนโล่งๆ ที่จริงแล้วโล่งๆแบบนี้ดูไปแล้วก็สวยดีเหมือนกัน
ถ้าเดินไปทางทิศเหนือจากจุดนี้ก็จะเจอกับย่าน Civic District ที่เป็นแหล่งรวมแลนด์มาร์คสมัยยุคล่าอาณานิคมของอังกฤษ เป็นพื้นที่คล้ายกับสวนสาธารณะ
ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เดินกลับมาทาง Robinson Road อีกถนนที่เป็นแหล่งรวมออฟฟิศใหญ่ๆที่มีคนผ่านไปมาวันละเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ทั้งตลาดที่คนเยอะที่สุดแห่งนึงและถนนเส้นเศรษฐกิจ
เดินมาถึงตรงนี้แล้วผมเลยตัดสินใจไปต่ออีกหน่อย ระหว่างทางก็แทบจะไม่เห็นคนเดินเลย นานๆจะเห็นคนเดินอยู่ไกลๆออกไป
Tanjong Pagar และ Chinatown
เป็นอีกส่วนที่มีตึกออฟฟิศสูงมากมายที่ยืดต่อออกมาจากแถวสถานี Raffles Place ที่ไม่เหมือนกันคือแถว Tanjong Pagar อยู่ติดๆกับโซนที่พักอาศัยเช่นกัน และจากที่นี่เดินไป Chinatown ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที
จะเห็นว่าตรงนี้เป็นสวนที่ให้คนที่อาศัยอยู่แถวนี้มานั่งเล่น แต่วันนี้หน้าตาคล้ายๆฉากฆาตรกรรม
ส่วนถนน Tanjong Pagar เองเป็นอะไรที่คนรุ่นใหม่ฮิปๆชอบมากันเพราะมากด้วยคาเฟ่ ร้านเนื้อย่างเกาหลี และบาร์มากมาย ตอนนี้ร้านเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เปิดทำการกัน
จากรูปก่อนก็เห็นแล้วว่ามีวัดจีนๆโผล่ออกมาหน่อยนึง เดินออกมาก็จะเป็นย่าน Chinatown แล้ว มีรถวิ่งอยู่บ้างเล็กน้อยไม่ให้เหงาเกินไป
ถ้าใครเคยมาที่ Chinatown ที่สิงคโปร์แล้วคงรู้ว่าคนเยอะแค่ไหน ตอนนี้เหลือแต่นกพิราบกับผู้สูงอายุที่เค้าอาศัยอยู่แถวนี้ลงมาเดิน ยืนคุยกับเพื่อนๆแบบเว้นระยะห่างกัน ร้านค้าข้างทางก็ไม่เหลือเปิดเลยเพราะถูกสั่งห้าม ไม่ว่าจะขายของที่ระลึก น้ำหอมของปลอม หรือว่าขายอาหาร ดูแล้วร้านอาหารแถวนี้โดนหนักกว่าร้านอาหารที่อื่นเพราะฐานลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่
มาริน่า เบย์ (Marina Bay)
ตรงนี้เป็นจุดที่ Hot ที่สุดแล้วในประเทศเกาะเล็กนี้เพราะเป็นที่รวบรวมแลนด์มาร์คดังระดับโลกไว้ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมฟูลเลอร์ตัน (Fullerton Hotel) สิงโตเงือก (Merlion) โรงละครหนามทุเรียน (Esplanade Concert Hall) หรือโรงแรมสามแท่งมีเรือบนยอด (Marina Bay Sands Hotel)
ด้านหน้าสถานี MRT Bayfront เป็นสถานีที่ออกมาเจอ Marina Bay Sands และ Gardens by the Bay ตอนนี้ทุกส่วนนั้นปิดหมดเลยทำให้คนใช้บริการรถไฟฟ้าน้อยตามไปด้วย
ถนน Bayfront นี่เองก็อยู่ด้านหน้าโรงแรม Marina Bay Sands Hotel ถนนที่แท็กซี่มาออกันมากมาย จากห้าง The Shoppes ที่อยู่ริมน้ำและ จากทางเข้าโรงแรม
ตรงสิงโตเงือกก็เช่นกัน ผมมาทำงานทุกวันพูดจริงๆว่าตรงนี้คนแน่นตั้งแต่เช้าจนดึก มีแต่คนมาออกันถ่ายรูปทำท่ากินน้ำจากปากสิงโตไม่ก็ทำท่ายืนฉี่ ถึงแม้ว่าคนยังมาวิ่งออกกำลังกายรอบอ่าวกันค่อนข้างเยอะ แต่การที่สามารถถ่ายรูปมุมนี้แล้วไม่มีคนข้างในได้ในช็อตเดียวก็นับว่าไม่ปกติแล้ว
ส่วนภาพนี้น่าจะทำให้เห็นภาพว่าคนที่อยู่ตรงนี้มีแค่ไหนในเวลาหนึ่งทุ่ม
คนที่อยู่ตรงนี้ส่วนใหญ่มาออกกำลังกาย (หรือทำท่าเหมือนออกกำลังกายเพราะเป็นข้ออ้างออกมานอกบ้าน) ก็เหมือนมาหยุดรอดูตึก Marina Bay Sands ที่ปิดทำการอยู่ตอนนี้ ติดไฟที่ตึกเป็นตัวอักษร SG United และธงชาติ เหมือนเป็นการปลุกอารมณ์คนในประเทศให้ร่วมมือกันต่อสู้วิกฤตนี้
หลายคนคงเห็นข่าวว่าสิงคโปร์มีเคสมากที่สุดในอาเซียนแล้วและยังคงขึ้นสูงทุกวัน ถึงแม้ว่าเคสในชุมชนทั่วไปจะเป็นแค่หลักหน่วยต่อวัน แต่เนื่องจากจำนวนเคสในกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่สูงนั้นอาจส่งผลกระทบกับความสามารถในการรับมือของระบบสาธารณสุข ตอนนี้คนที่นี่ก็ยังอยู่ในล็อกดาวน์กันต่อไปเพื่อไม่เป็นภาระเพิ่มเติมให้บุคลากรทางการแพทย์
สุดท้ายผมฝากไว้อีกภาพที่ถ่ายมาในช่วงเดียวกันนี้ เมฆที่ตอนนี้บดบังท้องฟ้าและสร้างเงามืดด้านล่าง ที่จริงแล้วด้านหลังนั้นเป็นพระอาทิตย์ตกสีสันสดใสที่ถูกซ่อนอยู่ เมฆไหนๆก็จะต้องผ่านไปและพระอาทิตย์ตกที่เราไม่เคยสนใจก็จะกลับมาสวยอีกครั้ง อยากให้ทุกคนสู้ต่อไปและรักษาสุขภาพครับ
Kommentare