สำหรับใครหลายๆคนที่เคยมาเที่ยวสิงคโปร์ก็น่าจะเคยได้ยินมาบ้างกับชื่อโบตานิค การ์เด้น (Botanic Gardens) แต่มั่นใจเลยว่ามีไม่กี่คนที่เคยได้ไปเห็นจริงๆด้วยความที่มันก็เป็นแค่สวนสาธารณะ ใครจะเสียเวลาลางานที่มีค่าไปเดินดูสวนสาธารณะธรรมดาๆ
ตัวผมเองอยู่สิงคโปร์มารวมๆกันก็น่าจะ 7 ปีได้แล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินเข้าไปดูเหมือนกัน Singapore Botanic Gardens ถูกจัดให้เป็น UNESCO World Heritage และจริงๆแล้วอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับถนนออชาร์ดแต่กลับถูกมองข้ามกันบ่อยๆ
Singapore Botanic Gardens นั้นมีพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างทีเดียวแถมยังมีทางเดินชมธรรมชาติเยอะแยะมากมาย เป็นสวนสาธารณะที่เดินเที่ยวได้แบบไม่เบื่อเลย การเดินทางก็ง่ายมากเพราะรถเมล์ที่ทั่วถึงและมีสถานีรถไฟฟ้าเป็นของตัวเองด้วย แผนที่ด้านล่างโหลดมาจากเว็บของทางสวนเค้าเองเลยและเหล่านี้คือจุดต่างๆที่น่าสนใจที่จะพาไปดูวันนี้
วันนี้ผมก็มาถึงโดยรถไฟฟ้าสาย Downtown Line สีน้ำเงินลงที่สถานที Botanic Gardens ได้เลยโดยออกมาก็จะมาเจอกับประตูทางเข้าฝั่ง Bukit Timah แล้วก็เดินๆมั่วๆหลงๆจนเผลอออกนอกเขตสวนแล้วกลับเข้ามาไม่ได้พักนึง สุดท้ายก็ออกทางประตูฝั่ง Tanglin Road ที่ใกล้ๆกับถนนออชาร์ดนั่นเอง
เดินเข้าประตูมาแล้วก็จะเป็นโซนที่เรียกว่า Trellis Garden มีการจัดแสดงพันธุ์ไม่เลื้อยเอาไว้ และมีดอกไม้ตามข้างทางหลากหลายสีสันประดับสวยงาม เดินมาเจอเข้ากับเถาใบตำลึงทำให้อยากกินขึ้นมาเลย หากินตามร้านค้าก็ไม่มีจะเก็บกลับไปก็น่าจะได้เอาไปกินที่โรงพักเป็นแน่
เดินๆไปตลอดทางก็จะเห็นมีแมลงเยอะแยะไปหมดทั้งหน้าตาบ้านๆและหน้าตาแปลกๆ เวลาเห็นแมลงพวกนี้เยอะๆแล้วสมองมันสั่งให้รู้สึกคันๆทุกทีเหมือนโดนไต่ตามตัว ปกติไม่ใช่คนถ่ายภาพมาโครก็เลยซูมกันมาได้เท่านี้เอง
แมลงปอสีทองกับสีแดงที่แดงไปถึงปีกเลย
แมลงสีเขียวนี่ตัวอะไรก็ไม่ทราบครับ รู้แต่ว่าตอนแรกเห็นแค่ตัวเดียวว่าสวยดี พอมองลงไปเห็นยั๊วเยี๊ยะอีกเป็นสิบ ขนลุกพรึ่บเลยทีเดียว ส่วนคนขวาไม่ใช่แมลงแต่ขอแจมด้วย
นอกจากส่วนที่ต้นไม้เยอะๆให้ได้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติแล้ว ก็มีพื้นที่เป็นลานกว้างริมทะเลสาบ Eco-lake ให้คนมาปูเสื่อนั่งเล่นกันได้ แต่ตอนนี้มันบ่ายสองแดดร้อนเบอร์นี้นั่งไปได้จิตใจต้องเข้มแข็งแค่ไหน
เดินกันมาแล้วประมาณ 1 ชั่วโมงยังอยู่แค่ฝั่งขวามุมเล็กๆของสวนทั้งหมดเองครับ เดินออกมานอกกำแพงของสวนก็จะมีร้านค้าของมหาวิทยาลัยแถวนั้นก็เลยนั่งกินน้ำให้หายร้อนกันนิดหน่อยแล้วกะว่าไปเข้าประตูถัดไปยังได้
ปรากฎว่าหาประตูไม่มีเลยต้องเดินอ้อมด้านนอกยาวไปจนถึงประตู Nassim Gate เพื่อเข้าสู่ฝั่งตะวันออกของสวนที่ติดกับถนนออชาร์ด พอเข้ามาก็จะเจอกับโซน Rainforest ที่ตอนแรกคิดไว้ว่าจะต้องเป็นต้นไม้รกๆแน่ๆ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ขนาดนั้นเพราะยังคงความสะดวกสบายสำหรับคนที่มาใช้ มีต้นไม้ใหญ่เยอะทำให้ทางเดินดูสวยงามร่มรื่นดีมากๆ
ระหว่างทางก็จะมีหลงๆบ้างพอให้รู้สึกเหมือนไปผจญภัยแต่ดีที่ตลอดทางมีป้ายบอกทางไว้ตลอดว่าเดินไปทางนี้จะไปโผล่ที่ไหน ทางเดินค่อนข้างซับซ้อนทำให้รู้สึกว่าพื้นที่ธรรมชาติมีมากเหลือเกิน ถึงแม้ว่า Botanic Gardens เป็นที่ดินผืนไม่ใหญ่มากกลางเมือง พอเดินกลางสวนแล้วไม่ได้รู้สึกเลยว่าอยู่ใกล้ย่านช็อปปิ้งอย่างถนนออชาร์ด
สถานที่ที่อยากจะไปเห็นก็คือเวทีแสดงกลางน้ำที่ไว้จัดการแสดงในสวนให้คนมาพักผ่อนนั่งฟังดนตรีกันได้ วันนี้ไม่มีการแสดงแต่ก็อยากเดินไปดูเวทีนี้หน่อย เดินทะลุป่าออกมาก็จะเห็นทะเลสาบเล็กๆเรียกว่า Symphony Lake
รอบๆทะเลสาบบรรยากาศดีจังเลยมีนกและสัตว์อื่นๆมากมาย นกที่ไม่ได้มีให้เห็นทั่วไปคือนกกวัก นกที่ชอบอาศัยอยู่ในบึงหรือหนองน้ำ เสียงร้องก็กวักๆ อยู่เมืองไทยที่เคยเจอก็ตามบ้านนอกนู่นแต่ว่าสวนนี้มีเยอะมาก ตอนเดินมาถึงเจอทั้งพ่อและแม่กำลังหาหนอนให้ลูกกินเลยแต่ถ่ายรูปไม่ทันวิ่งกันเร็วมาก
แต่แปลกที่นกไม่กลัวคน เดินมาให้ถ่ายรูปได้ใกล้ๆพร้อมกับเต่าอาบแดดตรงขอบสระ
เดินกันอยู่ฝนที่ทำท่าจะตกก็ตกลงมาตามที่ตั้งใจ ทำให้ต้องรีบเดินกึ่งวิ่งไปหลบอยู่ใต้หลังคาเวทีแสดงดนตรี เค้าก็กั้นไว้ไม่ให้คนเข้าแต่คนสวนบอกเดี๋ยวพี่พาเข้าเอง เปิดรั้วสูงเท่าเข่าให้เราเข้าไปหลบกันได้
ฝนตกลงมาในวันแบบนี้ก็ทำให้อากาศหายร้อนลงไปบ้างแถมให้บรรยากาศฝนตกสวยๆดวย รอบๆเวทีมีปลูกไม้น้ำไว้เยอะแยะออกดอกกันสวยดีจัง
ฝนตกลงมาประมาณ 10 นาทีก็ไปพอให้คนพึ่งล้างรถเจ็บใจเล่น แต่แค่นี้ก็ทำให้อากาศหายร้อนไปเยอะ
ออกมาเดินต่อได้แล้ว หันหลังกลับไปก็คือเวทีแสดงดนตรี Shaw Foundation Symphony Stage นั่นเอง
เดินต่อไปทางฝั่งตรงข้ามกับเวทีก็จะพาเราไปที่ National Orchid Garden ที่มีชื่อเสียง ระหว่างทางเดินไปก็ถ่ายภาพมาบ้างเพราะฝนพึ่งตกใหม่ๆใบไม้ต้นไม้สีสดขึ้นกว่าเดิมมาก ด้านหน้าเวทีนี้เป็นลานสนามหญ้ากว้างมากๆ บางคนก็มาปูเสื่อนั่งเล่นกันแต่ฝนตกเลยวิ่งหนีไปกันหมดละ
National Orchid Garden หรือสวนกล้วยไม้แห่งชาติ สิงคโปร์นี้เค้ามีดอกไม้ประจำชาติเป็นดอกกล้วยไม้เลยต้องทำให้ยิ่งใหญ่นิดนึง ตรงส่วนนี้ปกติต้องมีค่าเข้าชมแต่สงสัยเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเลยเปิดให้เข้ากันฟรีๆ ถึงแม้เป็นแค่ส่วนเล็กๆของทั้งสวน Botanic Gardens แต่ว่าเดินกันขาลากไม่เบาเหมือนกัน
เข้ามาเห็นด้านในแล้วหลายส่วนยังไม่ออกดอกเลยไม่รู้ว่าดอกเค้าจะหน้าตาหลุดโลกแค่ไหนเพราะที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องการผสมพันธุ์กล้วยไม้ เอาเป็นว่าเดินดูสวนดูที่มีดอกไปก่อน วิธีเดินก็ให้เดินตามป้ายไปเรื่อยๆเพราะเค้าพาไปเป็นขั้นๆจนถึงยอดเนินแล้วกลับลงมาอีกทาง ส่วนที่เป็นห้องเย็นหรือเรือนกระจกปิดปรับปรุงอยู่อดดูครับ
แต่เข้าฟรีบ่นไม่ได้ นอกจากมีดอกกล้วยไม้แล้วในสวนก็ยังเข้าใจคนรุ่นใหม่ทำที่ไว้ให้ถ่ายรูปด้วย วันนี้มีคนมาถ่ายรายการพอดี มีครอบครัวดาราที่ไม่รู้จักมาเดินๆถ่ายโฆษณา
ระหว่างทางเดินขึ้นเนิน ก็จะมีดอกกล้วยไม้ที่เคยเห็นในตลาดมาบ้างหรือบางทีก็มีแบบสีม่วงที่เราใช้มัดรวมกับใบเตยไหว้พระ
บางที่ก็ทำเป็นสวนหย่อมมีน้ำตกแต่ไม่มีส้มตำ มองลงไปที่โคนต้นก็ตกใจเล็กน้อยว่าไปซื้อผมมาจากร้านตัดผมเพื่อโปะโคนต้นหรือเปล่า พยายามค้นคว้าใน Google ก็ไม่มีคำตอบแต่รู้ว่าผมคนใช้ทำปุ๋ยได้ดี
บนยอดสุดของเนินเขาใน National Orchid Garden เรียกว่า Burkill Hill เป็นบ้านเก่าหรูหราตั้งอยู่มองลงไปเห็นสวนด้านล่าง หลังบ้านก็เป็นสวนในแบบที่คนมีบ้านหลายคนคงอยากได้ สวนแบบนี้มีอย่างเดียวไม่พอต้องมีคนทำสวนด้วยนะครับ
คนเรามีขาขึ้นก็ต้องมีขาลงเป็นธรรมดา ทางเดินลงเป็นแนวต้นหลิวที่ใบห้อยลงมาสีเขียวอ่อนตลอดทาง มีต้นใหญ่ที่ดูมีอายุมากแล้วอยู่ตรงกลางต้องค้ำไว้ด้วยแท่งเหล็กกันหักลงมาเสียดายแย่ ความชื่นชอบในต้นหลิวของผมเองก็เกิดจากการไปเที่ยวประเทศจีนมาปีก่อน ย้อนดูได้จากลิงค์นี้เลยครับ
เดินลงมาถึงทางออกก็มีร้านขายของที่ระลึกตามระเบียบ ออกมาด้านหน้าก็เริ่มเย็นๆแล้ว เดินมาตั้งแต่บ่ายสอง ยังมีสวนอื่นๆที่ยังไม่ได้ไปดูอีกเยอะแยะแต่ขอยอมและเดินไปหาทางออกก่อนเพราะเดินมาไกลมากเหลือเกิน ทางที่เดินออกก็ยังมีต้นไม้สูงใหญ่ตลอดทาง เห็นแล้วคล้ายๆกับทางเข้าวัดเมจิที่โตเกียว
ต้นไม้บางต้นก็ใบใหญ่โตผิดมนุษย์มนา เอามาใช้บังฝนได้เหมือนการ์ตูนเรื่อง Totoro เลย
เดินออกมาจะเจอกับอีกแลนด์มาร์คของ Singapore Botanic Gardens ก็คือ Bandstand Gazebo เมื่อก่อนไว้ใช่แสดงดนตรีแต่ตอนนี้มีแค่คนเอาไว้ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง
เดินมาใกล้ทางออกแล้วก็เป็นลานกว้างๆมีคนมาวิ่งเล่นกัน ตรงนี้เห็นถึงประโยชน์ของพื้นที่ธรรมชาติในเมืองใหญ่มากๆเพราะมันเห็นแล้วสดชื่นมองไปไหนก็ไม่ค่อยเห็นตึกคอนกรีตสิ่งปลูกสร้าง มีแต่ต้นไม้สนามหญ้าสีเขียวอากาศดีๆ ที่ตรงนี้ห่างจากทางด่วนแค่ 500 เมตรเท่านั้นเองแต่ความรู้สึกกลับไม่ใช่เลย
ก่อนออกมองไปในสระน้ำเห็นมีหงส์ตัวขาวๆอยู่ในน้ำเลยตัดใจเดินไปดูเป็นที่สุดท้าย สระนี้ชื่อว่า Swan Lake แต่เห็นหงส์แค่ตัวเดียวดูเหงาๆจัง
รอบๆสระก็มีต้นไม้สวยๆที่กิ่งดูโค้งบิดงอไปตามธรรมชาติ ตอนนี้ก็เป็นเวลาโพล้เพล้แล้วแสงแดดที่ส่องมาที่ต้นไม้ไม่แรงเกินไปสวยดีครับ
เดินมาถึงทางออกแล้วตรงประตู Tanglin Gate นั่งรถเมล์ไม่กี่ป้ายก็ไปถึงถนนออชาร์ดที่มีแต่ตึกกับความเจริญแล้ว
ถึงแม้ว่าที่ดินแล้วออชาร์ดราคาจะยิ่งกว่าทองในปัจจุบัน และด้วยความที่เป็นแค่ประเทศเล็กๆพื้นที่น้อยๆ แต่เค้าก็ยังเห็นความสำคัญกับพื้นที่ธรรมชาติ พูดแล้วหันไปมองคนตัดต้นไม้ริมทางกุดๆที่กรุงเทพ
อย่างที่บอก ในสวนนี้ยังมีอีกหลายโซนที่ไม่ได้ไปครั้งนี้เพราะใกล้มืดแล้ว ครั้งหน้ากลับมาซ่อมจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกครับ
ฝากติดตามโพสใหม่ๆด้วยการกดไลค์เพจด้วยนะครับ :) https://www.facebook.com/nopeopletravelphoto
Comentários